Flag Counter

free counters

Teddy in real life. Young to the bae. G to the D.

And they are in the same room! Let's hail my boys BIGBANG!

Meet Aliens from Mato Planet!

My beloved rookies group of year 2012. They are Best.Absolute.Perfect. B.A.P

Tablo, Mitha Jin, and Tukultz.

EPIK HIGH, everything about them is EPIK.

Perfect Human Being is here.

T.O.P aka Choi Seung Yong, black chocolate and almond voice of BIGBANG.

BIGBANG Still Alive.

We'll be more than they'll ever be.

วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2554

[Sub] MNET TOOK! ตอนที่ 1 2-4

 ***Thai Translation by Icys***
คำแปลสงวนสำหรับบ้าน VIP THAI SUB ค่ะ
หากใครจะเอาไปแปะที่อื่น กรุณานำออกไปพร้อมเครดิตทั้งหมดด้วยนะคะ
Eng Trans: ibigbang
Thai Trans: icys.exteen

CL: อัลบั้มของซึงรีทำด้วยกำมะหยี่!
CL: โอ้มายก๊อด! กำมะหยี่เชียวนะ!
CL: สุดท้ายอัลบั้มถูกทำด้วยกำมะหยี่หรูหรา
CL: อุดหนุนกันด้วยนะคะ~
CL: และฟังเพลงของเค้าบ่อยๆนะ
CL: โอ้แม่เจ้า! อะไรเนี่ย!
พัคบอม: ทุกคนคะ! ทุกคน!
ซานดาร่า: เหอ~
ซึงรี: ดี! ดีมาก! พูดว่าไฟท์ติ้ง! ไฟท์ติ้ง!
CL: งั้นพูดพร้อมกันเลย
CL: ซึงรี! ไฟท์ติ้ง!
พัคบอม: เอาล่ะนะ! ไฟท์ติ้ง!
พัคบอม: ไม่ค่อยเหมือนเชียร์เลยเนอะ...
ซานดาร่า: นี่ไง! สัญลักษณ์ของซึงรี!
CL: เค้าเป็นคนที่ตั้งใจทำงานมากค่ะ
CL: ตั้งใจมาก...
ซานดาร่า: ค่ะ เค้าพูดภาษาญี่ปุ่นได้คล่องมากเลย
พัคบอม: ทีมเราต้องการคนแบบนั้นเหมือนกัน!
พัคบอม: เวลาที่ต้องการกำลังใจ เค้าจะคอยช่วยไม่ว่าคนๆนั้นจะรู้สึกหดหู่ขนาดไหน
CL: โอโมะ! โอโมะ!
CL: เหมือนเธอกำลังพูดถึงตัวเองอยู่เลย...
พัคบอม: ชั้นหรอ? ไม่ใช่ชั้นนะ
พัคบอม: ชั้นไม่ใช่คนที่จะแสดงบนเวทีได้ดีถ้าไม่มีใครคาดหวังชั้นซะหน่อย
พัคบอม: ชั้นเป็นประเภทที่แสดงได้ดีเมื่อมีคนคาดหวังต่างหาก!
พัคบอม: ไฟท์ติ้ง!
ซานดาร่า: ทำได้ดีมาก!
ซึงรี: ขอโทษมินซีด้วยนะ...
ซึงรี: มินซีอา ขอโทษนะ!
มินซี: ไม่เป็นไรค่า
ซึงรี: รักเธอนะ~
มินซี: เหอออ!
ซานดาร่า: บ๊ายบาย
ซึงรี: ตั้งใจทำงานนะครับ~
พัคบอม: บ๊ายบาย

[Trans] G-Dragon Shine a light Making book#5 [end]

G-Dragon Shine a light Making book [End]
 
 
 
ในที่สุด เวลาก็ดำเนินมาถึงวันคอนเสิร์ตจริงๆแล้ว
จียงดูไม่ตื่นเต้นเลย และยังดูสบายใจอยู่...ว่าแต่ทำไมฉันถึงได้ตัวสั่นแบบนี้กันนะ?
 
 

ฉันจะบอกสภาพอากาศในวันนี้ให้คุณฟังแล้วกัน
มันเป็นครั้งแรกในชีวิตของฉันเลยที่หนาวขนาดนี้
วันนี้อากาศหนาวมาก ฉันเดินออกไปข้างนอกฮอลล์ได้แป๊บเดียวก็ต้องรีบบึ่งกลับมาข้างใน
แต่ฉันสังเกตเห็นแฟนคลับกำลังยืนต่อแถวอยู่ข้างนอกประมาณ 2-3 ชั่วโมงก่อนที่คอนเสิร์ตจะเริ่ม
เป็นไปได้ว่าพวกเขาอาจจะลืมความหนาวไปทั้งปวงเมื่อนึกถึงคอนเสิร์ตที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่นานนี้
พวกเขาทั้งหมดกำลังยิ้ม อย่างสดใส
แน่นอน จียงเองก็เป็นห่วงแฟนๆที่กำลังรอเขาอยู่ข้างนอกมาก
"ทำไมวันนี้ถึงได้หนาวแบบนี้นะ...พวกเขาต้องรอจนแข็งตายแน่ๆเลย"
แทยังพยายามพูดให้จียงอุ่นใจว่าทุกคนไม่เป็นอะไรหรอก
 

[Trans] G-Dragon Shine a light Making book#4

G-Dragon Shine a light Making book
 
 


ตอนที่พวกเราทุกคนมาถึงที่สเตเดี่ยวเพื่อเตรียมการซ้อม
จียงกวาดสายตามองไปรอบๆที่นั่งที่ว่างเปล่าและตกอยู่ในความเงียบ
แม้แต่ฉันยังรู้สึกค่อนข้างโดดเดี่ยวทุกครั้งที่มองไปที่ฮอลล์คอนเสิร์ตที่ปราศจากผู้คนแบบนี้
น่าสงสัยว่าจียงกำลังคิดอะไรอยู่ในตอนนั้น?
 
 


ทันทีที่ได้รับโอกาสหยุดพักเหนื่อยสั้นๆ จียงจะนอนลงกับพื้น
เขาแร็ปขณะที่กำลังนวดขาตัวเองไปด้วยเหมือนเด็กบ้าๆบอๆ
"ตอนที่ผมไม่มีเงิน ผมกลับบ้านและทำ bindaeddeok* ด้วยตัวเอง~" (*คล้ายๆพิซซ่าเกาหลี)
ไมโครโฟนในมือจียงถูกทำขึ้นมาแบบพิเศษเพื่อให้เข้ากับสีธีมหลักของคอนเสิร์ตนี้ ซึ่งคือสีขาวและแดง
วิศวะกรคยองจุนต้องไปซื้ออุปกรณ์และทำมันขึ้นมาด้วยตัวเอง ตามคำขอของจียง
 

[Trans] G-Dragon Shine a light Making book#3

G-Dragon Shine a light Making book
 
  



"สวัสดีครับ!"
จียงปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับร่างกายที่แข็งแรงขึ้นแล้ว เสียงสดใส และค้อมตัวลง 90 องศาเหมือนทุกครั้ง
เขายิ้มกว้างให้กับนักดนตรีในห้องที่กำลังรออยู่ ทักทายพวกเขาทีละคนด้วยท่าทีเป็นกันเอง
พูดซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าเขาหวังจะให้งานวันนี้ผ่านไปได้ด้วยดีพร้อมกับทุกคน
หนึ่งในทีมงานที่จียงทำงานกับเขามาตั้งแต่ยังเป็นเด็กฝึกหัด
บอกว่าจียงมักจะพูดจาทักทายแบบนี้อยู่เสมอตั้งแต่เด็กแล้ว
อาจจะเป็นไปได้ว่าเขาทำมันบ่อยมากจนกลายเป็นธรรมชาติได้ขนาดนี้ เหมือนเป็นนิสัยติดตัว
แล้วมันก็ทำให้ทุกคนมีความสุขมากจริงๆ เมื่อพวกเขาได้รับการต้อนรับด้วยท่าทางที่สดใสแบบนี้
 

[Trans] G-Dragon Shine a light Making book#2

G-Dragon Shine a light Making book
 
  

สต๊าฟทุกคนโห่เสียงเชียร์ทันทีที่การถ่ายทำฉากสุดท้ายของมิวสิควีดีโอจบลง
ฉันแน่ใจว่าพวกเขาทุกคนต้องยินดีที่จียงพยายามอย่างมากในการแสดงทั้งๆที่ตัวเองป่วยหนัก และทุกๆอย่าง
แต่ฉากสุดท้ายนี้เป็นอะไรที่ต้องใช้ความสามารถทางการแสดงของจียงล้วนๆ
ฉันรู้สึกโล่งอกที่ได้เห็นจียงยังคงพูดล้อเล่นกับทีมงานได้อีก
เขาบอกว่าอาจจะเป็นเพราะความป่วยที่ทำให้เขาแสดงอารมณ์ในฉากที่ดูโศกเศร้าแบบนั้นได้
ผู้กำกับและทีมงานทุกคนจ้องมองไปที่มอนิเตอร์เป็นครั้งสุดท้าย และในที่สุด...
"เยี่ยม! เจ๋งที่สุด!" ด้วยความพอใจ
จียงยิ้มสดใสทั้งๆที่ต้องต่อสู้กับความทรมานมาตลอดทั้งวัน
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ดูเหมือนว่าทั้งช็อคโกแลตและยาจะหมดฤทธิ์ซะแล้ว
เขาดูป่วยอีกครั้ง พวกเราตัดสินใสปล่อยฉากที่เหลือไว้ถ่ายในวันอื่นและดูแลจียงให้ดีที่สุดก่อน
มาเล่นเกมส์ 'Find it' กันเถอะ!
เพราะพวกเขาต้องถ่ายทำกันจนดึกดื่น ดังนั้นจึงมีฉากนึงที่จียงไม่สามารถไปถ่ายได้
ฉากนั้นคือฉากไหน?
ฉันใบ้ให้ว่า...มันอยู่ใน 2-3 หน้าถัดไปนี่แหละ!
 
 
ตอนนี้พวกเขากำลังถ่ายทำวิดีโอที่ใช้ตอนเปิดคอนเสิร์ตกันอยู่
ฉันได้ยินมาว่าเสื้อผ้าที่จะใส่ในเพลงแรกของจียงต้องถูกทำให้เร็วกว่าปกติเพื่อนถ่ายทำวิดีโอนี้
มันดูเหมือนกับว่ามีอะไรมากมายที่ต้องถูกทำให้เสร็จก่อนถึงเวลา
ฉันเคยคิดว่าการจัดคอนเสิร์ตสักครั้งคงไม่มีอะไรมากนัก
แต่พอมาได้เห็นด้วยตาแล้ว มันมีการเตรียมตัวมากมายหลายฝ่ายที่ต้องเกี่ยวข้องกัน
รวมถึงการถ่ายวิดีโอประกอบอีกเยอะแยะ
ถ้าเพียงแต่ทุกคนจะแยกร่างไปอยู่ที่นั่นที่นี่เพื่อช่วยกันทำงานได้ก็คงดี
จียงยังคงป่วย... จนเขากลายเป็นเพื่อนกับโจ๊ก ยา และช็อคโกแลตไปแล้ว
การดูเขาทานอาหารและยาแบบนี้ยังคงทำให้ฉันรู้สึกถึงความเป็นมืออาชีพในตัวเขาอย่างเสมอต้นเสมอปลาย
ปกติแล้ว จียงจะเช็คทุกๆอย่างจากจอมอนิเตอร์
ไม่ว่าจะเป็นการแสดงของตัวเองจนถึงกระทั่งอุปกรณ์เสริมตกแต่งต่างๆ
ฉันไม่รู้จริงๆว่าความตั้งใจอันมากมายของของเขานั้นมาจากไหนกันแน่
 

[Trans] G-Dragon Shine a light Making book#1

G-Dragon Shine a light Making book
 

 

"หือ? ยังไม่ถึงเวลานี่ ใช่มั้ยคะ?"
"(ยิ้ม) ครับ..."

ในวันที่มีการประชุมครั้งแรก ฉันพยายามที่จะไปถึงเร็วที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้เพื่อเตรียมตัวเองล่วงหน้า
แต่คนแรกที่ฉันเห็นกลับเป็นจียง ตอนนั้นยังไม่ถึงเวลาประชุม แต่เขาอยู่ที่นั่นอยู่ก่อนแล้ว
เพราะว่าเขาเป็นศิลปิน ฉันจึงคิดว่าว่าเขาต้องมาสายแน่ๆ
ฉันรู้สึกแย่ไปเลยกับการเข้าใจผิดอย่างไร้เหตุผลในเรื่องนี้
 
 

อีกอย่างที่ทำให้ฉันประหลาดใจ
ก็คือการเห็นจียงเสนอความคิดเห็นตลอดเวลาระหว่างการประชุมกับหัวหน้าฝ่ายต่างๆ
ฉันเคยคิดว่าการประชุมแบบนี้จะต้องดำเนินโดยท่านประธานยาง
แต่ความกระตือรือร้นของจียงในการแลกเปลี่ยนไอเดียและความคิดเห็นกับทุกๆคน ทำให้เขาดูเป็นผู้ใหญ่มาก
เขาคิดทุกๆเรื่องไม่ว่าจะเป็น แสง เสียง เวที ท่าเต้น สเปเชี่ยลเอฟเฟค
จียงยังคงคุยในเรื่องเหล่านี้ และเรื่องอื่นๆ ต่อไปเรื่อยๆ ตลอดการประชุม
คุณจะรู้สึกได้เลยถึงความมุ่นมั่นของจียงที่มีต่อคอนเสิร์ตครั้งนี้
การประชุมใช้เวลาพักใหญ่ๆ แต่จียงก็ไม่ดูเหนื่อยแม้แต่น้อย
บางทีวลีที่ว่า 'Firing away' อาจจะถูกใช้ในสถานการณ์แบบนี้ก็ได้?
 
 

มีอีก 2 สิ่งที่ทำให้ฉันประหลาดใจมากระหว่างมองดูเขาระหว่างการประชุม
อย่างแรกก็คือ การบันทึกสิ่งที่คุยกันในที่ประชุมของจียง
ตอนที่ฉันเปรียบเทียบสมุดของฉัน(ที่ฉันอ่านมันไม่ออกด้วยซ้ำ)กับของจียง
มันทำให้ฉันอยากจะปิดสมุดของตัวเองลงไปเลย
เขาเขียนเนื้อหาสาระจากการประชุมอย่างเป็นระเบียบและชัดเจน
ฉันแปลกใจมากที่การประชุมอันยาวนานแบบนี้จะสามารถสรุปทั้งหมดลงไปในกระดาษหน้าเดียวได้ยังไง
ฉันเคยได้ยินว่าเขาเป็นพวกเพอร์เฟคชั่นนิส และแม้แต่การเขียนของเขา ก็ยังต้องเพอร์เฟคเช่นกัน
"เอ่อ...ฉันขอดูได้มั้ย?"
จียงหัวเราะเบาๆ แล้วส่งสมุดของเขามาให้ฉันโดยปราศจาคคำพูดใดๆ

[Trans] E-Talk with Shaun Evaristo

E-Talk with Shaun Evaristo

March 14, 2010  by Lyna
 
 Part 1 : “Dancing makes me Feel Good.”
 

 
     สวัสดี ฉันลีน่า ก่อนหน้านี้เราได้เคยสัมภาษณ์ Aimee Lee Lucas ไปแล้ว แดนซ์เซอร์หลักของ YG Entertainment ถ้าคุณยังไม่เคยอ่านบทสัมภาษณ์ของเธอ คลิ๊กที่นี่เลย
     โอเค ตอนนี้ฉันจะนำคุณไปหาอีกบุคคลหนึ่งผู้ซึ่งมักจะทำให้เราตื่นตาตื่นใจได้เสมอ ถ้าคุณเป็นแฟนคลับของ YG Family คุณต้องเคยได้ยินชื่อของเขาจนนับไม่ถ้วน ในโลกของ KPOP โดยเฉพาะในอนาณาจักรของ YG เขาถูกรู้จักในฐานะนักออกแบบท่าเต้น จะเป็นใครไปได้อีกนอกจาก Shaun Evaristo
     ชอน เป็นที่รู้จักกันดีเรื่องการออกแบบท่าเต้นต่างๆที่ไม่เหมือนใคร ความสำเร็จของเขารวมไปถึงการทำงานกับบุคคลที่มากความสามารถระดับโลกอย่าง โอมาเรียน และ วาเนสซ่า ฮัดเจนส์
     ฉันไม่เคยคิดว่าฉันจะได้มีโอกาสพูดคุยกับบุคคลสุดเจ๋งอย่างเขา ฉันดีใจมากจริงๆที่ชอนให้โอกาสนี้ จากคำตอบของเขาทำให้ฉันพบว่าเขาเป็นคนที่น่าทึ่งมาก ไม่ใช่แค่ในฐานะศิลปิน แต่ในฐานะมนุษย์คนนึง และฉันแน่ใจว่าคุณก็จะรู้สึกแบบเดียวกัน อย่ามัวแต่รอรีอะไรอยู่ ไปพบกับบทสัมภาษณ์ของเขากันเลย

อะไรคือ 'การเต้น' และ 'การออกแบบท่าเต้น' สำหรับคุณ?
    
     การเต้นคือการเคลื่อนไหวร่างกายที่ออกมาโดยธรรมชาติเวลาผมได้ยินดนตรีที่ สามารถดึงดูดผมได้ มันเป็นอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกดี และเป็นการแสดงความรู้สึกที่ผมมีตอนนั้นผ่านร่างกาย การออกแบบท่าเต้นสำหรับผม คือการจินตนาการที่มาจากดนตรีที่ได้ฟัง อารมณ์ที่รู้สึก และการเคลื่อนไหวที่ผมตัดสินใจจะใช้มันสำหรับการแสดงอารมณ์นั้นๆ

อะไรจุดประกายตัวคุณให้เลือกที่จะเต้น? หรือใครที่เป็นแรงบันดาลใจในการเต้นของคุณ?
    
     ตอนช่วงวัยรุ่นผมได้เห็นอะไรมากมายที่ทำให้ผมอยากจะเต้น Music videos, นักร้องเพลงป๊อป, เพลง Hiphop R&B Pop แม้แต่คนที่เต้นใน TV ก็ตาม ตอนที่ผมเห็นพวกเขา ผมบอกกับตัวเองว่า 'ฉันอยากจะทำแบบนั้นบ้าง' , 'ฉันทำแบบนั้นได้น่า' แล้วผมก็ลองเต้นดูครับ ตอนแรกมันก็ไม่ได้เป็นการฝึกอย่างเป็นทางการเท่าไหร่
     เรื่องของแรงบันดาลใจในการเต้นนั้น ก่อนหน้านี้ก็คงจะเป็น mindtricks, mind over matter, 3 muskee , chain reaction ในช่วงที่ผมอยู่ที่ bay area ผมเติบโตมากับการดูพวกเขาเหล่านั้นครับ แน่นอนว่ามิวสิควิดีโอของศิลปินที่อย่าง MJ , JJ , Usher,B2K, Nsync ก็ด้วย ส่วนในเรื่องของนักออกแบบท่าเต้นที่เป็นแรงบันดาลใจก็ต้อง Marty Kudleka และ Jayson Wright แน่นอนอยู่แล้ว ในทุกวันนี้เพื่อนหลายคนของผมเค้าน่าทึ่งมาก อย่างเช่น  Jillian Meyers, Lyle Beniga, Dmoe Gomez, Mischa Gabriel, Nick Bass, Tony Testa, AJ. และอีกเยอะเลย!


วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2554

COLLABS/FEAT/OTHER

ไว้จะมาอัพเดตผลงานล่าสุดของแต่ละคนอีกครั้งค่ะ

■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■
The following info compiled by the7REAL.
If taking the following information, please credit community.livejournal.com/vipbigbang_info

 ■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■■

Additional data from http://en.wikipedia.org/wiki/T.O.P_(entertainer)

[ Group ]
2002-09 ll "저 높은곳에 펼쳐 (Unfold At A Higher Place) - Feat. GDYB [YG Family Vol.2 97-YG-02 Why Be Normal]
2006-03 ll "Run" - Se7en Ft. GDYB [Se7en 3rd Album 'Se7olution]
2007-04 ll Super Fly (Feat. G-Dragon & T.O.P & Tae Yang of Big Bang) [Lexy 3rd Album 'Rush']



[Star Diary] แทยัง 10 “ผมอยากเป็นนักร้องที่มีอะไรในตัว มากกว่าเป็นนักร้องยอดนิยม”




บทสุดท้ายของการสัมภาษณ์แทยังในซีรีย์นี้



เต็มไปด้วยแรงดึงดูดอันนุ่มนวล และทุ่มเทพลังใจทั้งหมดบนเวที นักร้องที่เชื่อใจได้อย่างแทยัง เขามีความฝันอะไรกันนะ


"ผมไม่รู้นะครับว่าความฝันนี้ของผมมัน ยิ่งใหญ่หรือว่าเล็กน้อย แต่ผมต้องการยืนอยู่บนเวทีให้ได้นานที่สุด และผมจะแสดงอย่างเต็มที่ตลอดไป"


มันอาจจะดูเป็นความฝันง่ายๆ แต่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยประกายความภาคภูมิของการเป็นนักร้อง หากเขามาถึงจุดนี้ได้โดยมองแต่ข้างหน้า ตอนนี้เขาคงมีเวลามองไปรอบๆ บ้างแล้ว

"ก่อนนี้ผมเคยอยากเป็นใครบางคนที่ใครๆก็จำได้ ผมอยากยืนบนเวทีระดับโลกแล้วได้ยินผู้ชมพูดถึงผมว่า "คนนั้นเจ๋งจังเลย" ผมก็ยังอยากเป็นแบบนั้นนะครับ แต่ตอนนี้ผมเริ่มคิดแล้วว่า ผมแค่อยากแสดงให้เต็มที่เท่านั้น เพราะถ้าผมแสดงแบบนั้น ผมก็สามารถเป็นคนที่เจ๋งที่สุดสำหรับบางคนได้"

[Star diary] แทยัง 9 “เมื่อความเจ็บปวดสิ้นสุด...ก็ได้เวลาสำหรับของขวัญ”



จริงหรือที่ความเจ็บปวดจำเป็นสำหรับการก่อเกิดสรรพสิ่ง?


ผลลัพธ์จากความเจ็บปวดที่แทยัง (อายุ 23 ชื่อจริงทง ยองเบ) ได้รับหลังจากทนมาตลอดทั้งปีที่แล้วกำลังจะมา นั่นก็คืออัลบั้มเต็มชุดแรก "ผมทำงานจนเกือบถึงวินาทีสุดท้ายแล้วครับ เหลือแต่เลือกเพลงที่ดีที่สุดออกมาเท่านั้น ดูเหมือนจะมีเพลงมากกว่า 10 เพลงในอัลบั้มนี้ครับ"


ปีที่แล้วเขาต้องทนทรมานอย่างมากในการเตรียมอัลบั้มนี้ การต้องทำทั้งงานเดี่ยวและงานกลุ่ม ไปด้วยทำให้เขาเหน็ดเหนื่อยทั้งกายและใจ


เขาต้องผ่านพ้นช่วงเวลาอันเจ็บปวดยาวนานเพื่อให้ได้อัลบั้มที่น่าพอใจ

[Star diary] แทยัง 8 “หากเธอจะเป็นรักสุดท้ายของผม....”

"ผมอยากให้เธอเป็นคนที่เอาใจใส่คนรอบข้าง"




ผู้หญิงในอุดมคติของแทยังคือคนที่ บริสุทธิ์และจริงใจมากกว่าคนที่หน้าตาสะสวย เขาอยากพบคนที่อบอุ่นและเอาใจใส่คนรอบข้าง แต่ในขณะเดียวกัน ก็ต้องเป็นคนที่เขารู้สึกชื่นชอบด้วย


แทนที่จะเป็นความสัมพันธ์แบบวูบวาบฉาบฉวย เขาต้องการความสัมพันธ์ที่จริงจัง บางครั้ง เขาก็คิดว่ามันแย่จังที่เขาไม่สามารถเจอกับใครอย่างสะดวกใจได้ แต่เขาก็ยังยืนยันว่าเขาอยากจะได้พบคนคนนั้น และสามารถรักษาความสัมพันธ์ไว้ได้ตลอดรอดฝั่ง


"มันเป็นไปได้ที่จะได้พบใครบางคนและ เข้ากันได้และคบกันอย่างมีความสุข แต่มันไม่เวิร์คสำหรับผมเลยครับ เพราะนอกจากการมีใครบางคนที่ผมไปเจอได้ตอนที่ผมมีเวลาว่าง ผมอยากให้คนคนนั้นเป็นคนที่ผมรู้สึกขอบคุณที่เขาอยู่ตรงนั้นเพื่อผมด้วยครับ ถ้าผมต้องคบใครสักคนที่ผมชอบพรุ่งนี้ ผมก็อยากให้คนคนนั้นเป็นรักครั้งสุดท้ายของผม"

[Star diary] แทยัง 7 “ปีนี้ผมอยากมีแฟนกับเขาสักที”


เพราะเป็นคนขี้อาย แทยัง (อายุ 23 ชื่อจริง ทง ยองเบ) ยังไม่เคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักที


"ปีนี้ผมอยากมีแฟนกับเขาสักทีครับ ผมรู้สึกเหมือนกับว่า ถ้าผมแก่ไปกว่านี้ คงหาแฟนไม่ได้แน่ๆ"



แทยังมีคู่รักที่เขาอิจฉามากอยู่คู่ หนึ่ง นั่นก็คือ Sean และ จอง ฮเยยอง เขาบอกว่าเมื่อเขาเห็นชีวิตที่มีความสุขของ Sean เขาก็คิดว่า "ผมก็อยากมีชีวิตแบบนั้นเหมือนกัน"

"ผมคิดว่าคงราวสามเดือนก่อน ผมไปบ้านพี่ Sean ตอนพี่เขาชวนทานอาหารเย็น ตอนที่ผมกิน ผมเห็นพี่ฮเยยองกับฮาอึม ฮารัง แล้วก็ฮายุล ตอนนั้นความรู้สึกมันตีรวนขึ้นมาเลย"

[Star diary] แทยัง 6 “ผมมาทำอะไรบนเวทีเนี่ย?”


ปี 2009 เป็นปีที่หนักหนาสาหัสสำหรับแทยัง (อายุ 23 ชื่อจริง ทง ยองเบ) เพราะต้องทำกิจกรรมในฐานะบิ๊กแบงในญี่ปุ่น และเตรียมอัลบั้มเดี่ยวของตัวเขาเอง เขาต้องเหนื่อยมากยิ่งขึ้น ทั้งร่างกายและจิตใจ


"ผมรู้สึกเหมือนปีที่แล้วว่างเปล่าหาย ไปจากชีวิตเลยครับ มันเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความกังวล บางทีอาจจะเป็นเพราะมันเป็นปีที่สามในฐานะศิลปินของผม"


สำหรับเขา มันมักเป็นหน้าที่ที่ต้องยืนบนเวที ต้องร้องเพลงบนเวทีที่ไม่กระตือรือร้น ทำให้เขาหมดแรง และเครียดมาก

[Star diary] แืทยัง 5 “ได้ทำงานเดี่ยวให้ความรู้สึกเหมือนไปแบ๊คแพคเลยครับ”

 


แทยัง (อายุ 23 ชื่อจริงทง ยองเบ) ได้เดบิวเป็น บิ๊กแบง ในที่สุดหลังจากเป็นเด็กฝึกมาอย่างทรหด เขาสามารถให้ความบันเทิงในการแสดงต่อหน้าสาธารณะชน แต่ขณะเดียวกัน ก็รู้สึกขัดแย้งอยู่ในใจลึกๆ


"บอกตามตรงนะครับ ผมกังวลหลายเรื่องหลังจากเดบิว เพราะจริงๆ แล้วผมชอบ "Black Music" มาตั้งแต่เด็ก และคิดว่าสักวันคงได้ทำแบบเดียวกับศิลปินที่ผมชื่นชอบ ผมมีความฝันแบบนั้นเสมอครับ แต่พอได้เป็นวงไอดอล ผมต้องทำตัวให้ "เป็นที่นิยม" แล้วก็ต้องทำกิจกรรมกับดนตรีที่ผมไม่เคยคิดว่าจะร้องมาก่อนเลยด้วย ผมก็เลยสับสนอยู่พักหนึ่งครับ"

[Star diary] แทยัง 4 “ผมเคยทะเลาะกับจี-ดรากอนแค่ครั้งเดียว”


แทยัง (อายุ 23 ชื่อจริง ทง ยองเบ) และจี-ดรากอน (อายุ 23 ชื่อจริง ควอน จียง) อยู่เคียงข้างกันมา 10 ปีแล้วตั้งแต่ยังเป็นเด็กฝึก จู่ๆ ฉันก็เกิดสงสัย ว่าระหว่างสองคนนี่มีการชิงดีชิงเด่นกันบ้างหรือเปล่านะ? สองคนนี้เคยทะเลาะกันหรือเปล่านะ?


"เราเคยทะเลาะกันหนหนึ่งครับ ตอนที่เล่นบาสด้วยกัน..."

[Star diary] แทยัง 3 “ช่วงเวลาที่เป็นเด็กฝึก กับฤดูร้อนที่สดใสเป็นพิเศษ”


เด็กชายแทยังอายุ 12 ขวบ (ตอนนี้อายุ 23 ชื่อจริง ทง ยองเบ) ได้เป็นเด็กฝึกของ YG เอนเตอร์เทนเมนท์ในที่สุด หากมองย้อนกลับไป ตอนที่เป็นเด็กฝึกเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขน่าดูสำหรับเขา “ผมคิดว่าทุกคนคงคิดว่าทุกอย่างจะต้องเศร้าในช่วงที่เป็นแค่เด็กฝึก เพราะเราทำอะไรมากไม่ได้”


เขามีความใฝ่ฝันว่าจะเป็นนักร้อง เพราะเขารักดนตรีอย่างเหลือเกิน ด้วยเหตุนั้นเขาจึงสามารถกล้ำกลืนความกังวลทั้งหมดเอาไว้ได้ “เราฝึกกันทั้งๆ ที่กังวลอย่างมาก เพราะเราฝึกตลอดเวลาโดยไม่มีอะไรรับประกันเลยว่าเราจะได้เดบิว”


แต่ไม่มีช่วงเวลาไหน ที่เต็มไปด้วยความสุขสนุกสนานเท่ากับช่วงเวลาที่เป็นเด็กฝึกอีกแล้ว เขาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ทุกวัน ทุกวัน เต็มไปด้วยความคาดหวังว่าเขาจะได้ทำทุกอย่าง


“ไม่นานมานี้ผมคุยกับจียง (จี ดรากอน) ว่าตอนเป็นเด็กฝึกพวกเรามีความสุขกันแค่ไหน เราไม่ไ่ด้มีเวลามากนักในตอนนั้น แต่บางที ประธานของเราก็จะให้เงินเราหมื่นวอน ซึ่งดูเป็นเงินที่เยอะมากสำหรับพวกเราในตอนนั้น เราก็จะมานั่งคิดกันว่า เราจะเอามันไปใช้ทำอะไรดีน้า แทนที่จะคิดประหยัดเอาไว้ ทุกสิ่งที่เราทำในตอนนั้นมันสนุกไปหมดเลยครับ”


[Star diary] แทยัง 2 “ของขวัญวันเกิดอายุ 12 ที่ผมให้กับตัวเองคือ...”


แทยัง (อายุ 23 ชื่อจริง ทง ยองเบ) รักดนตรีตั้งแต่ยังเด็ก แต่เพราะต้องไปอยู่กับญาติ เขาจึงถูกส่งไปเรียนที่โรงเรียนสอนการแสดงแทน


“อาจจะเป็นเพราะสมัยนั้นโรงเรียนสอนการแสดงได้รับความนิยมมากก็ได้ครับ ญาติๆ ของผมก็ไปเรียนที่นั่นกัน ผมก็เลยได้ไปด้วย แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ผมอยากทำเลย”


ถึงแม้เขาจะไม่เคยสนใจโรงเรียนการแสดง แต่เป็นเพราะที่นี่ ที่ทำให้เขามีโอกาสได้เป็นนักร้อง ช่วงที่เขาเรียนที่โรงเรียนการแสดงนี่เอง ที่เขาได้ร่วมถ่ายมิวสิควิีดีโอของ Jinusean เป็น “Little Sean”

[Star diary] แทยัง 1 “ผมคลายความเหงาด้วยการฟังวิทยุ”



นักร้องที่พูดจานุ่มนวลเยือกเย็น นิสัยอ่อนน้อม และน้ำเสียงที่มีเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์ ฉันได้พบกับ แทยังแห่ง Big Bang (ชื่อจริง ทง ยองเบ) ผู้เป็นที่ชื่นชอบของทุกคนแม้จะได้พบเพียงครั้งเดียว แทยัง ที่มีดวงตาที่ยิ้มอย่างอายๆ นั้นน่าประทับใจมาก เขาดูตื่นเต้นก่อนจะได้ออกอัลบัลเต็มของตัวเอง เขาได้แสดงเสน่ห์ของเขาในการงานโซโลครั้งสุดท้ายไปแล้ว แต่นั่นเป็นแค่การอุ่นเครื่องสำหรับอัลบัมเต็มที่กำลังจะตามมา


แทยังบอกว่า ปีที่แล้วเขารู้สึกหดหู่นิดหน่อย แต่เขาคาดว่าจะได้แสดงสิ่งใหม่ๆ หลายอย่างที่เขาเตรียมไว้ในปีนี้



ฉันเคยได้ยินมา ว่ามีเด็กชายคนหนึ่ง ที่ต้องทนกับความเหงา ด้วยการฟังวิทยุในช่วงวัยเด็ก เขาเติบโตมาเป็นนักร้องที่ให้ความบันเทิงกับผู้คนมากมาย แม้จะมีความกังวลมาตลอด เขาก็แบ่งปันความฝันอันงดงามของตน



“Star Diary” ของแทยัง จะเริ่มต้นที่ตอนที่ 1 จนถึงตอนที่ 10 (หมายเหตุผู้เขียน)

วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2554

[Trans] Exclusive Chat Interview with Aimee Lucas

Exclusive Chat Interview

with Aimee Lucas

by Lyna (January 20, 2010)
 
 
     เธอคือผู้หญิงคนนึงที่ได้รับความสนใจจากแฟนๆของ YG family ทั่วโลก ตั้งแต่มิวสิควีดีโอของ Big Bang 'Number 1' จนถึงคอนเสิร์ตแรกของแทยัง และอื่นๆ อีกมายมาก เมื่อช่วงไม่นานมานี้ เธอเพิ่งได้ขึ้นแสดงโชว์ร่วมกับ G-Dragon ในคอนเสิร์ตแรกของเขา 'Shine a light' พูดขนาดนี้แล้วถ้าคุณยังนึกไม่ออกก็น่าเสียดายจริงๆ ฮ่าฮ่า งั้นก็อ่านต่อไปเรื่อยๆ เผื่อจะนึกออก
     โดยทั่วไปแล้วพวกเรารู้จัก Aimee Lee Lucas จากความสามารถในการเต้นของเธอ แต่คุณเคยสงสัยมั้ยว่าอะไรคือเบื้องหลังของผู้หญิงที่แสนเซ็กซี่กับสามารถทางการเต้นที่ไม่น่าเชื่อเช่นนี้? เอาล่ะ ไม่ต้องพูดให้มากความ ไปรู้จักเธอให้มากกว่านี้กันเลยดีกว่า

Lyna : สวัสดีเอมี่ ฉันชื่อลีน่านะ ^_^
Aimee : Hi!
Lyna : คุณเป็นยังไงบ้าง?
Aimee : ก็สบายดี ขอบคุณค่ะ
Lyna : งั้นเริ่มคำถามแรกเลยแล้วกัน นอกจากการเต้นแล้ว คุณทำอะไรอีก? หมายถึงงานอดิเรกอย่างอื่นน่ะ
Aimee : ปกติแล้วฉันใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับบัดดี้~ ในวันว่างของฉันก็หมดไปกับการปั่นจักรยานไปที่สวนสาธารณะ ฉันผูกเขาไว้กับสะโพกขวาน่ะ! นอกจากนั้นก็เพิ่งเริ่มเเรียนมวยไทยที่โรงเรียนที่อยู่ตรงข้ามบ้าน แล้วก็พยายามเพิ่มคลาสเรียนเต้นด้วย อย่างเช่นบัลเลต์ บางครั้งฉันก็ไปปีนเขากับเพื่อนบ้าง ไม่งั้นก็ดูทีวีอยู่บ้าน แม้ว่าฉันจะไม่ใช่แม่ครัว แต่ช่องโปรดของฉันก็เป็นช่องเกี่ยวกับการทำอาหารนี่แหละ
Lyna : ใครคือบัดดี้คะ? สัตว์เลี้ยงของคุณเหรอ
Aimee : บัดดี้ก็คือยอร์กกี้ตัวน้อย!! (เอมี่หมายถึงสุนัขพันธ์ Yorkshire Terrier) ใน Facebook ของฉันมีรูปเขาเยอะแยะไปหมด!
Lyna : โอ้ว ฉันเคยเห็นมันนะ ^_^
 

[Trans] ความคิดในหัวเยือกเย็น ทว่าใจเร่าร้อน


Zero pretensions. 100% Real.

 
       ....ราวกับแสงอาทิตย์ที่สาดส่องผ่านเทือกเขา... 
 
     TaeYang รู้ดีว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งเสียใจ 'ไม่ต้องรีบเร่งแต่ก็อย่าลังเลที่จะทำมัน' การแสดงอย่างโดดเดี่ยวของเขานั้นได้พูดแบบนั้นกับเรา นี่เป็นการสัมภาษณ์ของ A GQ กับ 'แทยัง' ไอดอลที่มีทั้งความจริงใจและสัญชาตญาณในตัว
     'Teayang' สำหรับเรา เป็นไอดอลที่ไม่ธรรมดาเลย เขาน่าประทับใจมาก และพร้อมที่จะเปิดเผยเรื่องราวเกี่ยวกับอัลบั้ม 'Real' สิ่งที่จำกัดความถึงตัวเขาเอง ตอนที่แทยังถามเราว่า 'ผมแค่เป็นตัวของตัวเองใช่มั้ยครับ?' เรารับรู้ได้ว่ามันเป็นความรู้สึกจากใจของเขาจริงๆ ไอดอลที่ไหนเค้าจะมาถามคำถามนี้กัน? 
     เครื่องดื่มสักหน่อยมั้ย? เบียร์เป็นไง?
  
     "ผมไม่ดื่มแอลกอฮอล์จริงๆครับ"


     ชอบหน้าหนาวรึเปล่า? อย่างอากาศอย่างวันนี้

     "ชอบครับ เพราะผมจะได้ใส่เสื้อผ้าหลายๆชั้น แล้วเพลงโปรดของผมเกือบทั้งหมดก็มักจะเหมาะกับหน้านี้นะ ผมชอบความรู้สึกที่อบอุ่นน่ะครับ สงบเงียบ เช่นเพลงจังหวะกลางๆแบบนี้ ช่วงนี้ผมฟังเพลง Slow Motion ของ Karina บ่อยมาก แล้วก็เพลงเก่าๆของ Michael Jackson"

     จำได้มั้ย หลังจากที่เราเคยสัมภาษณ์คุณไปในฐานะ 'Men of the Year' ไปเมื่อปีที่แล้ว คุณสัญญาว่าจะกลับมาพบกับเราอีกครั้งถ้าคุณได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ?

     "(หัวเราะ) จริงๆ ผมอยากได้ประสบการณ์ใหม่ๆนะครับในปี 2009 แต่รู้สึกว่าผมจะไม่ได้ทำอะไรที่แตกต่างจากเดิมเลย เพราะไม่ค่อยมีเวลาน่ะครับ"

วันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2554

[Trans] TOP: Vogue Korea : The lively man

Vogue Korea : May 2010
 
      ใบหน้าใสซื่อราวกับเด็กน้อยของเขาที่ทุกคนไม่เคยพบ จะถูกฉายให้เห็นในภาพยนตร์เรื่องของแรกของเขา Into the Fire แร็ปเปอร์หนุ่มที่ทุกคนเคยเห็น การแร็ปฟรีสไตล์พร้อมกับรอยยิ้มกวนประสาทได้สร้างโอกาสให้เขาก้าวขึ้นไปอีกขั้นในวงการ นั่นคือการแสดงภาพยนตร์

     หมอกหนาจัดกำลังลอยตัวท่ามกลางป่าทึบเขียว เสียงกลองที่แว่วลอยมา ในโลกทีแปลกปลอมและโดดเดี่ยวเช่นนี้ สันติภาพที่บิดเบี้ยวได้พังลงแล้วที่นี่ 'ดังกระหน่ำ' นี่เป็นคำเดียวที่จะจำกัดความเสียงนี้ได้โดยออสการ์ ตัวละครในนิยายของ Gunter Gras. 'บทสนทนาของแมลงเม่าและหลอดไฟ' เป็นอาวุธเดียวที่ทำให้ความอ่อนแอสามารถต่อสู้กับโลกที่โหดร้ายนี้ได้

     ท็อปยืนตีกลองอยู่เงียบๆ สันคางที่โดดเด่นออกมานั้นเผยชัดถึงความเป็นหนุ่ม รอยย่นระหว่างคิ้วที่แสดงถึงความมุ่งมั่นตั้งใจ ริมฝีปากเม้มปิดแน่น แต่นัยน์ตาสีดำสนิทของเขายังคงไม่ปิดลงตามไป แววตาของเขาไม่ใช่สิ่งที่ใครจะเลียนแบบได้เลยจริงๆ

     "ผมคิดว่าเพราะความคิดของผมมันค่อนข้างซํบซ้อนกว่าคนอื่น ตอนที่เด็กคนอื่นกำลังวิ่งเล่นในสนาม ผมจะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับตัวเองที่บ้าน ตั้งแต่เด็กแล้วครับ การแต่งเพลงและการแร็ปเป็นของเล่นชิ้นเดียวของผม ความอ้างว้างและเด็ดเดี่ยวกลายมาเป็นเหมือนพลังให้กับผมที่สะสมเอาไว้เรื่อยๆ และมันจะออกมาในเวลาที่ผมต้องการจะใช้ ตอนที่ผมขึ้นไปอยู่บนเวทีครั้งแรก ผมเห็นอีกด้านหนึ่งของตัวเองที่ไม่คิดว่าตัวเองจะมีตรงนั้น แต่ก็ไม่เคยชะล่าใจนะครับ ผมไม่เคยใช้มันไปกับสิ่งไร้สาระ"

     สำหรับเขา เหตุผลที่ท็อปเลือก Into the Fire เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของเขานั้นง่ายมาก
     "มันเป็นสิ่งที่ต้องรับผิดชอบอย่างไม่มีเหตุผล ผมรู้สึกเหมือนกับว่ามันจะสำเร็จไม่ได้ถ้าไม่มีผมน่ะครับ"

     หลังจากได้เห็นท็อปในชุดสูท กำลังร้องเพลงเดี่ยวของเขาในคอนเสิร์ตเดี่ยวของบิ๊กแบง จางแทวอง ตัวแทนบริษัทก็ส่งบทให้เขาทันที มันเป็นบทหนังเรื่อง Into the Fire เรื่องราวเกี่ยวกับสงครามที่น่าเศร้าจากโปฮัง (สิงหาคม 1950) ที่ถูกเล่าผ่านสายตาของเด็กหนุ่มอายุ 17 ภาพยนต์เรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากจดหมายหนึ่งร้อยฉบับที่ถูกส่งมาจากนักเรียนทหาร ลีวูกึน ถึงแม่ของเขา ท็อปจะเล่นในบทของโอจางบอม นักเรียนทหารผู้เล่าเรื่องราวทั้งหมดในเรื่องนี้

     "แม่ครับ ผมฆ่าคน" เขาเริ่มจดหมาย

     "ผมคิดไม่ออกเลย อะไรบางอย่างแบบนี้อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ แฟนๆที่เด็กกว่าผมเข้าใจแค่ว่าเป็นบทของนักเรียนทหารที่เป็นส่วนหนึ่งของของเรื่องนี้เท่านั้น ผมอยากจะบอกความจริงของประวัติศาสตร์ เหตุผลที่ผมแร็ปและทำเพลงฮิพฮอพมาตั้งแต่เด็ก ก็เพราะว่าผมอยากจะบอกเรื่องราวของผม ในยุคที่นักร้องไอดอลมีมากมายแบบนี้ ผมควรทำบางอย่างที่มีความหมายมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับพวกเขา" ท็อปเขียนลงไปในกระดาษ ราวกับว่าเขาเป็นโอจางบอมในยุคปัจจุบัน

[Trans] 17 อย่างที่เราเรียนรู้จาก Bigbang

The 17 Things
We’ve Learned About Big Bang
– March Cosmopolitan [MAG]
 
 
T.O.P.
     #1 ในเมื่อไม่สามารถหลีกหนีสถานการณ์ยากๆได้ ก็แค่พยายามสนุกไปกับมันก็พอ วันที่พวกเราถ่ายโฆษณา BSF กันมีอุณหภูมิประมาณ -15 องศา มันหนาวมากซะจนแม้กระทั่งเคลื่อนไหวธรรมดายังยากเลย แต่ผมก็ยังพยายามจะสนุกกับมัน เป็นครั้งแรกที่สมาชิกทุกคนได้ทำงานร่วมกันหลังจากทำกิจกรรมเดี่ยวของตัวเอง ความเหงาที่ผ่านมานั้นมากพอที่จะทำให้งานยากๆแบบนี้สนุกขึ้นมาได้ มันเป็นไปได้ที่จะหาความสนุกไม่ว่าสถานการณ์จะไม่เอื้ออำนวยแค่ไหน ขอแค่คุณพยายามก็พอ
     #2 ไม่ต้องพยายามเซ็กซี่ ไม่มีอะไรน่าดึงดูดใจไปมากกว่าความเป็นธรรมชาติ แค่เป็นตัวของตัวเอง
     #3 เจอผู้คนให้มากเข้าไว้ และเรียนรู้จากพวกเขาเหล่านั้น หนึ่งในนั้นหรือไม่แน่ก็อาจทุกคนจะกลายเป็นต้นแบบให้กับคุณ แล้ววันนึงคุณก็จะกลายเป็นต้นแบบให้ผู้อื่นเช่นกัน
 
 

วันเสาร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2554

[Sub] MNET TOOK! ตอนที่ 1 1-4

***Thai Translation by Icys***
คำแปลสงวนสำหรับบ้าน VIP THAI SUB ค่ะ
หากใครจะเอาไปแปะที่อื่น กรุณานำออกไปพร้อมเครดิตทั้งหมดด้วยนะคะ
Eng Trans: ibigbang
Thai Trans: icys.exteen

ซึงรี: สวัสดีฮะ
(เค้ามาทำไมที่นี่ล่ะ?)
ซึงรี: ผมมาทานอาหารกับเพื่อนฮะ
ซึงรี: มาเจอกันแล้วก็คุยเล่นหลังจากที่อัลบั้มของผมถูกปล่อยออกมาแล้ว
ซึงรี: ผมจะเอาอัลบั้มไปให้เพื่อนเป็นของขวัญฮะ
ซึงรี: อยู่ไหนแล้ว?
ซึงรี: มาให้ไวเลย
ซึงรี: เดินเข้ามานายก็จะเห็นชั้นเลย
(เพื่อนสนิทของซึงรีมาถึงแล้ว!)
ซึงรีชอบผู้หญิงที่แก่กว่าครับ
ซึงรีชอบของที่มีกลิ่นอายอีโรติกนิดๆด้วยครับ
ซึงรี: อ้าว! คุณเข้ามาไม่ได้นะ
ซึงรี: ผมซื้อมาทุกอย่างเลยฮะ
ซึงรี: ใครกันที่พอทำครั้งแรกแล้วจะเพอร์เฟ็คเลยฮะ?
ซึงรี: คงเหงาน่ะฮะ
ซึงรี: ไม่นะ...
ซึงรี: ผมก็ซื้อกระเป๋าให้แล้วไง?
ซึงรี: โอ้! ซึงรี ซึงรี ซึงรี!
พัคบอม: ชั้นต้องทำยังไง~
ซึงรี: แย๊บ แย๊บ ฮุค!
ซึงรี: ผมรู้สึกตกใจนิดหน่อย
ซึงรี: อยากได้สาวสักคน~
ซึงรี: โห มันดูเซ็กซี่มากเลย!
เหมือนผู้ชายชั่วน่ะค่ะ
ซึงรี: คุณต้องพูดแต่สิ่งดีๆสิ!




วันศุกร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2554

[Trans] สัมภาษณ์ แดซองและ Jung Jae Hyung


ช่วง เวลาที่ lee hyori และ Jungjaehyungออกอัลบั้มใหม่ในเดือนเมษายน มีรูปปริศนาของ แดซองโผล่ขึ้นใน DCinside และรูปนั้นก็กลายเป็นหัวข้อร้อนแรง รูปที่ว่าเป็นรูปของแดซอง กับยิ้มที่สดใส ในมือเค้ากำลังถือซีดีของ leehyori and jung jae hyung ที่เพิ่งออกมา

ถ้าเป็นแดซองกับเฮียวรี ความสัมพันธ์ของพวกเค้าทั้งคู่ก็รู้ๆกันอยู่ว่าเป็นไปในรูปแบบไหน แต่ความสัมพันธ์ประเภทไหนกันที่แดซอง ไอดอลผู้ซึ่งยุ่งกับการปรากฏตัวในทีวีกับ Jung jae hyung ผู้ซึ่งเราไม่ค่อยจะเห็นเค้าทางทีวีเลย ทุกคนต่างเริ่มสงสัยและพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้

ชาวเนททั้งหลายยัง อุตส่าห์ไปสืบหามาว่า เพลงประกอบรายการของ MNet Off the Record เป็นงานร้องคู่ระหว่าง Jung Jae Hyung และ Lee Hyori และทั้ง Lee Hyori และแดซองต่างก็มีชื่อถูกเอ่ยถึงในบทความที่โปรโมทงานของ Jung Jae Hyung นอกจากนี้ยังมีรูปของแดซองในฐานะผู้ชมของ Antenna Music โชว์ "Major Disappointment Show" เปิดเผยออกมา แฟนๆจึงเริ่มแน่ใจว่าทั้งคู่ต้องสนิทกันและเรื่องนี้ก็เริ่มได้รับความสนใจ มากขึ้นมากขึ้น จริงๆแล้วแดซองและ Jung jaehyung มารู้จักกันได้ยังไง และเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ ช่วงค่ำของวันนึงในเดือนพฤษภาคม ผมก็ได้มาเจอกับพวกเค้าทั้งคู่ตรงทางเข้าร้านกาแฟแห่งหนึ่ง



[Trans] TOP : ระหว่างความClassic และ Punk, ARENA , korea

บทความสัมภาษณ์ จากนิตยสาร ARENA เกาหลี

TOP : ระหว่างความClassic และ Punk

===============


การ ทำงานให้กับนิตยสารแฟชั่นทำให้ฉันสงสัยเกี่ยวกับสูทแบบคลาสลิก ว่าจริงๆแล้วมันเป็นยังไงเหรอสูทแบบคลาสลิก?? แน่ละ ถ้าหากจะให้ฉันเลือกสิ่งของในทางแฟชั่นที่สร้างขึ้นมาสำหรับผู้ชายโดยเฉพาะ ออกมาแบบนึง แน่นอนฉันต้องเลือกสูท
และด้วยได้แรงบันดาลใจมาจาก เครื่องแบบทหารและความเป็นยุคสมัยใหม่ที่เปิดกว้าง ทั้งสูทสีดำ สีขาว สีกรมท่า สีน้ำตาล ล้วนจะกลายมาเป็นจุดเด่นเหมือนกับว่าเป็นอาวุธลับของเราที่จะช่วยทำให้สัด ส่วนและคุณภาพเป็นชายสมชายในวันนี้

แต่ฉันไม่อยากจะทำไปตามไอเดีย ที่วางเอาไว้เหมือนถูกควบคุม หรือเป็นชายที่หัวโบราณ กับคำว่า "ผู้ชายสวมสูท" เมื่อเราลองมองย้อนกลับไปดูในประวัติศาตร์ จะเจอชุดเสื้อเชิ้ตที่มีการตัดเย็บตรงข้อมือแบบฝรั่งเศส และมีปกเสื้อที่กว้าง นั่นเป็นสไตล์ของJean Conteau ผู้ที่เรารู้จักกันดีว่าเป็นผู้ที่รวมเอาจิตนาการที่เหนือจริงมาใช้ได้อย่าง เป็นธรรชาติ
Andy Warhol ผู้ซึ่งใช้เวลาในช่วงเช้ากับการคิดงานสร้างสรรค์และใช้เวลาในตอนกลางคืนของเค้าไล่ตามความสุขที่ Studio 54
ทั้ง หมดแล้วล้วนทำตามสุภาษิตที่มีอยู่ว่า " ความลำบากและศิลปะ เป็นสิ่งเดียวกัน" และ John Lennon ผู้ซึ่งใช้ชีวิตโดยมีสายตาของสาธารณชนคอยจับตามองก็ยังใช้ชีวิตในแบบฮิปปี้ ร่วมไปด้วย

วันพุธที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2554

[Trans] สัมภาษณ์ GD จากนิตยสาร ViVi (japan)




Q: ผู้หญิงแบบไหนที่คุณชอบ??
GD: ผู้หญิงที่ตั้งใจในงานของพวกเธอฮะ เพราะเสน่ห์ของพวกเธอนั้นยากที่ต้านทานไหว และผมก็สนใจผู้หญิงที่มีจิตใจดีและมีเสน่ห์มาจากภายในครับ

Q: ถ้าผู้หญิงแบบนั้นปรากฏตัวขึ้นมาจริงๆคุณจะทำยังไง??
GD: ผมจะพยายามไม่ประหม่าจนเกินไปฮะ (หัวเราะ)
ถ้า เกิดว่าเราไม่เข้าใจกัน และความสัมพันพันธ์ระหว่างเราก็ยังไปกันไม่ได้ ถึงแม้จะเป็นแบบนั้นผมก็ยังต้องการที่จะค่อยๆเอาชนะใจของเธอให้ได้ ถ้าผมไปจนถึงจุดนั้นแล้ว ผมต้องการที่จะรู้ว่าเธอชอบผมหรือไม่ชอบผม ผมไม่อยากจะเป็นภาระให้กับเธอ เพราะแบบนี้ผมถึงทำไปตามจังหวะที่สบายๆพอดีๆในการที่จะเข้าถึงเธอ ครับ

[Trans] สัมภาษณ์ Taeyang จากนิตยสาร GQ 2010

" แทนที่จะทำเพลง ตามกระแส ผมต้องการเพลงที่ยึดติดอยู่กับพื้นฐานมากกว่า"

ใน นิตยสาร GQ ฉบับเดือนมกราคม เราได้สัมภาษณ์ แทยัง ในหัวเรื่องที่ว่า "boy don't cry" ในฉบับนั้น เค้าพูดว่า เค้าจะออกอัลบั้ม "ในเร็วๆนี้" แต่ว่านี่ก็ผ่านมาถึง 7 เดือน ถึงจะมีการออกอัลบั้ม และชื่ออัลบั้มก็ไม่ใช่ Real อย่างที่เคยเปิดเผยไว้ด้วย แต่ได้เปลี่ยนเป็น Solar วันนี้เรามาพบกับ แทยังอีกครั้ง ครับ

เรามีเรื่องต้องเคลียร์กันใหญ่เลยนะงานนี้?
- ผมรู้ครับ

คุณรู้เหรอเนี่ย เอาละซื่อสัตย์กับตัวเองหน่อย หัวเราะแบบนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลย ขอผมฟังหน่อยสิว่าเป็นยังไง??
- ก่อนอื่นเลย ผมต้องขอโทษอย่างมากที่ทำให้ GQ ลงข่าวไปผิดๆเพราะว่าคำตอบในสัมภาษณ์ของผม ผมรู้สึกอะไรมากมายเลยฮะตอนนี้ อะไรๆก็ไม่ได้เป็นไปตามที่วางแผนอะฮะ


คุณพูดด้วยน้ำเสียงแบบนั้น ....แสดงว่าวันนี้สัมภาษณ์ของเราจะกลายเป็นสัมภาษณ์แบบเศร้าๆรึเปล่า??
- ไม่ฮะ ต้องเป็นสัมภาษณ์ที่สดใสๆ ตอนนี้ใช้คำว่า "ในเร็วๆนี้" ได้แล้วละฮะ ผมคิดว่าเราเสร็จสิ้นขั้นตอนในการทำงานขั้นสุดท้ายแล้วแม้ว่าจะยังมีงาน เหลืออีกมาก แต่มันก็ใช้เวลานานมากแล้ว ต้องขอโทษด้วยครับ

[Trans] สัมภาษณ์ V.I จากนิตยสาร Vivi (japan)

น้องเล็กที่สดใส น่ารัก น่าเอ็นดู แต่ก็เกเรใช่ย่อย

แนะนำ V.I
ที่เกาหลี คนจะรู้จักเค้าในนาม victory ที่มีความหมายดีมาก V.I ก็คือตัวย่อของคำนั้น
เค้าทำหน้าที่ ร้องนำในวง
เค้าเกิดวันที่ 12 เดือนธันวาคม 1990
กรุ๊ปเลือด A
สูง 176 เซน
น้ำหนัก 62 กิโลกรัม
ความสามารถพิเศษ สามารถเล่นดนตรีได้
สิ่งที่สนใจ : อ่านหนังสือ
อาหารโปรด : ข้าวหน้าเนื้อ



[Trans] สัมภาษณ์ SOL จากนิตยสาร ViVi (Japan)




Q: คุณจะไปออกเดทที่ไหนในโตเกียว?? ?
Tokyo Tower ครับ ผมมาญี่ปุ่นก็หลายรอบแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสได้ไปที่นั่นเลยฮะ ผมอยากที่จะไปมากๆ

Q: คุณมองอะไรในตัวผู้หญิงเป็นอย่างแรก ??
ผมจะมองในเรื่องทัศนคติมากกว่าเรื่องของรูปร่างหน้าตาครับ ไม่อยากจะไปเน้นมากเรื่องหน้าตา ผมจะดูนิสัยและการกระทำของเธอมากกว่าฮะ

Q: คุณชอบผู้หญิงแบบไหน??
คนที่เข้าใจผมครับ คนที่คอยฟังเรื่องราวของผมและความคิดของผม

[Trans] สัมภาษณ์ GD จากนิตยสาร Smart




Q1: เสื้อผ้ายี่ห้อไหนสไตล์ไหนที่คุณชอบ ??
G: หลังๆนี้ชอบ GIVENCHY มากครับ แต่ผมก็เอาไปใส่ผสมกับแบรนด์อื่นๆอีกหลายแบรนด์ครับ

Q2: เพลงประเภทไหนที่มีอิทธิพลต่อคุณมากที่สุด ?
G: JAY-Z ครับ ไม่ใช่แค่เพลงเท่ๆเท่านั้นนะฮะ แต่รวมไปถึงการแสดงและสไตล์ด้วย

Q3: ภาพยนตร์เรื่องไหนที่คุณชอบ ?
G: A Clockwise Orange และ Vanilla Sky.

Q4: เร็วๆนี้มีเรื่องอะไรที่ทำให้คุณดีใจมากที่สุด??
G: BIG BANG ได้รับรางวัล Best New Artist Video และ Best Pop Video จากงาน VWAJ ฮะ
แล้ว วงW-INDS X GDRAGON ได้รับรางวัล Best Collaboration Video
หากเทียบกับปีที่แล้ว มีคนรู้จักเรามากขึ้นมากขึ้น ซึ่งมันเป็นกำลังใจอย่างดีทีเดียวให้แก่พวกเรา

Q5: คุณชอบผู้หญิงแบบไหน ??
G: คนที่สามารถที่จะคุยกันได้ และคนที่ทุ่มเทให้กับการทำงาน ครับ

Q6: สิ่งที่คุณต้องการจะได้รับหลังจากนี้อีก 10 ปี ??
G: ผมอยากจะยังคงอยู่ในจุดสูงสุดต่อไปเรื่อยๆครับ

Source: MAYU@G-ONE.ME via baidu
Eng Translation by: Rice@BigBang World
Thai Translation by undercover @ VIPP @ choitopthailand

[Trans] สัมภาษณ์ Bigbang ในนิตยสาร Exile (Sep,Japan)




งานเทศกาลดนตรี Summer Sonic 2010

- ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่คุณจะมีส่วนร่วมในงานเทศกาลดนตรีหน้าร้อนอย่าง Summer Sonic พวกคุณเคยไปร่วมงานเทศกาลแบบนี้มาก่อนบ้างรึเปล่า??

TOP: ผมเคยดูคลิปวีดีโอสั้นๆเกี่ยวกับงานแบบนี้ครับ แต่ไม่เคยได้ไปร่วมงานแบบนี้เลย
ที่เกาหลีไม่ค่อยมีงานเทศกาลที่จะมีศิลปินจากต่างประเทศมาร่วมร้องเพลงอะไรแบบนี้เท่าไหร่ครับ

GD: ผมชอบงานเทศกาลดนตรีแบบนี้นะครับ ดังนั้นแม้ว่ามันจะเป็นงานที่จัดที่ต่างประเทศผมก็จะหาโอกาสไป
ผมเคยไปร่วมงานแบบนี้และไปเป็น DJ ที่ Odiaba ผมได้เรียนรู้มากมายในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้ชม
เพราะคุณจะสามารถเห็นได้ว่าการแสดงบนเวทีแบบไหนที่จะได้รับการตอบรับจากผู้ชมได้

- คุณยังคงมองการแสดงผ่านสายตาศิลปินอยู่ดี ทั้งๆที่คุณไปในงานในฐานะผู้ชม

GD: แน่นอนครับ เพราะผมต้องการที่จะรวมเอาสิ่งที่ผมเห็นบนเวทีมาใส่ในการแสดงของพวกเรา
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง งาน Summer sonic นี้เป็นงานใหญ่ เราจะมาทำส่งๆโดยที่ไม่ได้เตรียมตัวอย่างเต็มที่ไม่ได้
ดังนั้นตอนนี้เราเริ่มที่จะระดมความคิดอย่างมากหาไอเดียมาใส่ในโชว์
เพื่อที่เราจะสามารถแสดงออกถึงสีสันความเป็นตัวตนอันหลากหลายของเราให้กับคนที่ไม่เคยเห็นบิกแบงมาก่อนได้ดูในงานนี้ครับ

SR: นอกจากนี้ยังคิดว่าเราจะรวมเอาทุกอย่างเข้าด้วยกันให้ออกมาในรูปแบบของทีมเดียวกันยังไง ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญนะครับ

[Trans] สัมภาษณ์ TOP จากนิตยสาร ViVi (Japan)

เจ้าชายที่มักจะเผยด้านรั่วๆของเค้าออกมาให้เห็นเสมอ TOP ชื่อที่รุ่นพี่ เซเว่นตั้งให้

TOP มีความหมายมากมาย หนึ่งในนั้นรวมไปถึงความหมายที่อยากจะเป็น แร๊พเปอร์แถวหน้า

วันเกิด 4 พฤศจิกายน 1987 กรุ๊ปเลือด B สูง 180 หนัก 70 กิโลกรัม
ความสามารถพิเศษ เยอะมากจนบอกไม่หมด
งานอดิเรก สะสมรองเท้าผ้าใบและหุ่นของเล่น
อาหารจานโปรด ซูชิ และ ปลาดิบ




Q คำพูดที่ได้ผลเสมอเวลาจะชวนผู้หญิงออกเที่ยวของคุณ??
แค่ผมมองก็พอแล้วครับ (หัวเราะ) ล้อเล่นฮะ

Q มีข่าวลือดังมาจากหมู่แฟนๆของคุณว่าคุณชอบของเล่น ของเล่นอะไรที่คุณกำลังหลงใหลมันมากในขณะนี้??
ผมสะสม หุ่น Be@rbrick ไซส์ใหญ่ฮะ ผมมีเยอะมากที่บ้านจนคุณจะนึกไม่ถึงเลยทีเดียว
ล่าสุดนี่ผมได้ คอลลเลคชั่นที่ ทำกับ originalFake มาเป็นไซส์ใหญ่ครับ ผมคิดว่าน่าจะ 70-80 เซนได้

[Trans] สัมภาษณ์ Bigbang จากนิตยสาร Spring (japan)

เป็นเวลาแค่ปีเดียวเท่านั้นที่บิกแบงเริ่มงานของพกวเค้าที่ญี่ปุ่น แต่เวลาเพียงเท่านี้ก็นานเพียงพอสำหรับเค้าที่จะคว้าใจสาวๆ
พวกเค้าสวมสูทสีดำในการถ่ายภาพในวันนี้ สไตล์ที่เรียบง่ายแบบนี้ทำให้เรายิ่งเห็นบุคคลิกที่แตกต่างกันไปของสมาชิกแต่ละคน




Q: สไตล์ส่วนตัวของพวกคุณตอนที่ไม่ได้อยู่ต่อหน้ากล้องเป็นยังไงบ้าง??

(SOL)ผมชอบใส่เสื้อผ้าสบายๆและจะสวมใส่คู่กับแจ็คเก็ตเพื่อจะได้ดูแมนขึ้น
ช่วงนี้ผมชอบใส่เสื้อเชิ้ตลายตารางครับและก็มีไปซื้อที่ญี่ปุ่นมาด้วย

(GD) ผมก็ชอบใส่เสื้อผ้าที่สบายๆ เมื่อก่อนผมจะเลือกเสื้อผ้า ที่ใส่สบายเท่านั้นแต่เดี๋ยวนี้ผมจะเลือกตัวที่เป็นสไตล์ของผมครับ

(D-LITE) ผมจะเลือกตัวที่ดูเหมือนว่ามันจะทำมาจากผ้ายีนส์ ผมจะใส่เสื้อผ้าแบบนั้นบ่อยเลยฮะช่วงนี้ นอกจากนี้ก็ยังชอบเสื้อผ้าออกแนววินเทจเพราะผมไม่ค่อยชอบความรู้สึกของเสื้อ ผ้าใหม่ ขนาดที่ว่าเพิ่งจะซื้อมันมาใหม่ๆเลยผมก็ต้องตั้งใจทำให้มันเก่าก่อนครับ (หัวเราะ)

(TOP) (ไม่เหมือนกับคนอื่นในวงเลย พ่อหนุ่มนักฆ๋าของเราไม่ได้ชอบเสื้อผ้าที่ใส่สบายๆ) ผมเคยชอบเสื้อผ้าสไตล์ hip hop แต่หลังจากชอบได้พักนึงตอนนี้ผมเปลี่ยนมาสวมสูทให้ดูแมนขึ้นในแบบคลาสลิก แต่มันก็ไม่ง่ายนะฮะที่จะใส่เสื้อผ้าสไตล์นี้

(VI) ตอนนี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่าผมชอบที่จะแต่งตัวโดยการผสมเสื้อผ้าที่ใส่สบายๆเข้า กับเสื้อผ้าแบรนด์เนมฮะ ถ้าจะพูดง่ายๆคือ ผมชอบสไตล์ที่เรียบง่ายแต่ก็ต้องดูดีด้วย บางทีอาจจะเป็นสไตล์ที่กำลังเป็นอยู่ตอนนี้แหละครับ

[Trans] การผจญภัยของ Kanauru production ที่เกาหลี

คราวที่แล้ว เราได้โพสเรื่องราวของ Qui ที่เดินทางไปเกาหลีมาเล่าให้ฟังไปแล้ว คราวนี้เราได้เรื่องราวในแง่มุมที่ลึกกว่าจาก Richard มาเล่าให้ฟัง Richard และ qui ต่างก็เดินทางไปที่เกาหลีเมื่อเดือนที่แล้ว(มิถุนายน) เพื่อถ่ายทำ วีดีโอ Movement Lifestyle เราจะทำการโพสวีดีโอในเร็วๆนี้ ยังไงก็ตามแต่ Richard ตัดสินใจที่จะเล่าเรื่องราวที่เค้าได้ไปพบ แทยัง บิกแบง เซเว่นและทูเอนี่วัน ในส่วนของเค้าบ้าง พร้อมทั้งมีรูปสวยๆมาให้ชมกันด้วย ขอบคุณนะริชาร์ด



สวัสดี ครับ ทุกคน ผม Ricahrd จาก Kanauru Productions ( งานกำกับ, งานตากล้อง,งานบรรณาธิการ และอื่นๆอีกมากมาย) ถ้าคุณไม่เคยรู้จักผมมาก่อนนั่นเป็นเพราะผมล่องหนนะครับ ยังไงก็ดี ขออธิบายให้เข้าใจกันก่อนว่า เราไม่ใช่กลุ่มแด็นเซอร์ แล้วเราก็ไม่ใช่กลุ่มของผู้ออกแบบท่าเต้น แต่เราเป็นทีมงานถ่ายทำวีดีโอ แต่เราก็มีเพื่อนของเราที่เต้นรำเพื่อความสนุกและเราก็จะถ่ายทำเพื่อนๆลงไป ในวีดีโอของเรา นอกจากนี้เราไม่ได้ทำงานกับ วายจี เราทำงานให้กับ Movement lifestyle ซึ่งคนกลุ่มนี้ถูกจ้างโดยวายจี เข้าใจกันนะครับ?? โอเค ผมเป็นพวกไม่ค่อยโพสเรื่องราวในบล็อคเท่าไหร่ แต่ถ้าผมเกิดโพสเมื่อไหร่ มันก็ยาวทีเดียว ผมจะพยายามเล่าในรายละเอียดให้มากที่สุดนะครับ แต่ก็จะพยายามไม่ให้มันยาวและใช้คำฟุ่มเฟือยจนเกินไป ดังนั้นทนหน่อยนะครับ ถึงแม้ว่ามันจะมีเรื่องของแทยังและเรื่องอื่นๆเยอะมากด้วยเหมือนกันก็ตาม

เกริ่นนำ -

ผมยังจำบทสนทนาที่ผมเคยคุยกับ Shaun เอาไว้ได้อยู่เลยนะฮะ จริงๆผมจดบันทึกเอาไว้เลยแหละ

2 กุมภาพันธ์ 2010

shaun: ผมก็พาเธอไปเกาหลีกับผมด้วยนะ
richard: ดีจังเลย.
richard: บางทีคราวหน้าพาผมไปบ้างสิ 55555
shaun: มันคงจะเยี่ยมมากเลยนะ
shaun: เอางี้ถ้าผมจะไปอีก ผมจะหาทางให้เอง
shaun: คุณก็เป็นหนึ่งในทีมถ่ายทำของผมไง

ผมตื่นเต้นมากเลย แต่ก็พยายามทำใจสบายๆๆเอาไว้เพราะผมไม่อยากตั้งความหวังเอาไว้สูงเกินไป จากนั้น 6 เดือนต่อมาเค้าก็มาถามผมว่าผมจะไปเกาหลีกับเค้าได้ไม๊?? ขอโทษด้วยที่มาบอกเอาก่อนวันไปแค่อาทิตย์เดียวและทางเราก็ต้องออกค่าเครื่อง บินเองด้วย ค่อนข้างกะทันหันทีเดียว และเราก็ต้องตัดสินใจกันอย่างทันทีทันใด

เราต้องจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินเองซึ่งมันเป็นการตัดสินใจที่ค่อนข้างใหญ่ (เพราะมันแพงงงง)
แต่เราก็ตัดสินใจว่ามันเป็นเพียงโอกาสเดียวในชีวิตเราเลยตอบตกลงและคว้าโอกาสนี้ไว้

[Trans] คุณรู้จักบิ๊กแบงแค่ไหน (ViVi Magazine)




Quiz BigBang





Q1 : หลังจากการถ่ายภาพจบลง ของขวัญอะไรที่ทำให้แดชองดีใจที่ได้รับ

[Trans] TOP กับเรื่องราวการถ่ายแบบกับ Elle



เรื่องราวนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับความรักระหว่างผู้ชายคนนึงกับผู้หญิงคนนึง เป็นเรื่องที่แสนเซ็กซี่
มีฝ่ายชายคือ ท็อป และฝ่ายหญิงคือ lee mi sook
หัวใจของคุณจะต้องเต้นเร็วขึ้นเมื่อเผลอแอบไปมองเรื่องราวชีวิตรักของพวกเค้า


Lee mi sook นั้น น่ารักมาก ( จริงๆแล้ว คำว่า "น่ารัก" ยังคงไม่เพียงพอที่จะจับเอาความงาม เสน่ห์ และ รัศมีของเธอได้หมด) จนเราไม่อยากจะเชื่อในอายุของเธอ ส่วนท็อปก็เป็นผู้ชายที่มีสายตาลึกซึ้งและแข็งแกร่งขึ้นในทุกๆครั้งที่เรา เจอเค้า

ทั้งคู่ต่างไม่ลังเลที่จะสานสายสัมพันธ์กันแม้ว่าพวกเค้าจะ เพิ่งเคยพบกันเป็นครั้งแรกกับการถ่ายทำนี้ที่ Elle การถ่ายภาพจบลงเมื่อเวลาผ่านไปกว่า 6 ชั่วโมง จากนั้นห้องสวีทที่ใช้ถ่ายทำก็ สงบลง จากนั้นเค้าทั้งสองต่างนั่งเผชิญหน้า พูดคุยกันระหว่างผู้ชายคนนึงและผู้หญิงคนนึง เกี่ยวกับชีวิต ความรัก และการแสดง ซึ่ง Elle ก็รับฟังแต่โดยดี

[Trans] สัมภาษณ์ Bigbang ในนิตยสาร B-pass

บิกแบงในตอนนี้สมาชิกแต่ละคนไม่เพียงแต่ต้องทำงานเดี่ยวของตัวเองเท่านั้น แต่พวกเค้ายังต้องไปเข้าร่วมงานเทศกาลดนตรีที่ญี่ปุ่นอีกด้วย บิกแบงที่ยุ่งมากในขณะนี้เพิ่งจะออกซิงเกิลใหม่ของพวกเค้าออกมา คือ ซิงเกิลเพลง BEAUTIFUL HANGOVER วางแผงในวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา

บิกแบงได้เพิ่มปริมาณผลงานที่ออกมาและในระยะหลังก็ได้ทำเพลงที่มีจังหวะหนักๆและภาพลักษณ์ที่ชัดเจนๆออกมาด้วย
เรียกได้ว่าเป็นเวลานานมากแล้วจากครั้งล่าสุดที่พวกเค้าได้ให้สัมภาษณ์ไว้กับเรา



Reporter: นานมาแล้วนะครับที่เราไม่ได้เจอกัน โปรดบอกเราหน่อยว่าช่วงนี้พวกคุณยุ่งๆทำอะไรกันอยู่

D-Lite: เรากำลังยุ่งเตรียมงานอัลบั้มต่อไปของพวกเราอยู่ครับ และยังต้องเข้าร่วมงานเทศกาลดนตรีมากมายที่ญี่ปุ่นอีกด้วย
TOP: นอกจากการทำงานกับบิกแบงแล้ว ผมก็เพิ่งจะเสร็จสิ้นงานถ่ายทำภาพยนตร์และผมเพิ่งจะออก MV เพลง Turn it up ไป และผมก็ต้องโปรโมทเพลงนี้ด้วยเหมือนกัน นอกจากนี้ภาพยนตร์ที่ผมร่วมแสดง เรื่อง into the fire ที่ผมเสร็จสิ้นการถ่ายทำไปเมื่อครึ่งแรกของปีก็ออกฉายด้วยดังนั้นผมก็ต้องโป รโมทภาพยนตร์ด้วยเช่นกัน ซึ่งภาพยนตร์ก็ได้รับการตอบรับอย่างดีตอนนี้มียอดผู้ชมแล้วกว่า 3 ล้านคนในเกาหลี ซึ่งมันสร้างสถิติเลยละครับ


Reported: เป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับอะไรครับ ?
TOP: เป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับกลุ่มของนักเรียนที่ต้องมาเผชิญหน้ากับสงครามเกาหลี ครับ แต่ว่าภาพยนตร์ไม่ได้เน้นไปในเรื่องของตัวนักเรียนหรอกครับ แต่มุ่งเน้นไปที่ นักเรียนกลุ่มนี้ได้เข้าไปมีส่วนร่วมยังไงในสงครามครั้งนี้และพยายามที่จะ ส่งต่อเรื่องราวที่เป็นเอกลักษณ์ของพวกเค้าออกมา

[Trans] Q&A กับ Bigbang จากนิตยสาร Television Japan




1) ประโยคไหนที่เคยมีผู้หญิงมาพูดกับคุณแล้วทำให้คุณดีใจที่สุด ???
G-Dragon: ผมจะไม่พูดอะไรหรอกฮะ ผมจะวิ่งไปหาเธอและกอดเธอทันที นี่เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด
Taeyang: อืมม....ผมไม่เคยคิดเลยฮะ เวลาแบบนี้ คุณช่วยถามอะไรที่จะทำให้ผมมีความสุขจะได้ไม๊ฮะ??
T.O.P: ผมคิดว่าแรงสนับสนุนหรือคำพูดที่แฟนๆให้กับผมมาสามารถที่จะทำให้ผมรู้สึกมีความสุขมากกว่าคำพูดของผู้หญิงนะครับ
(Reporter: นี่เค้าแอบบอกคำตอบของเค้าให้กับซึงรีรึเปล่าเนี่ย??)
Daesung: เธอต้องพูดกับผมว่า " Dlite คุณดูสดใสจังเลย" คำพูดนี้แหละครับที่ทำให้ผมมีความสุขเมื่อได้ยิน
V.I.: ถ้าเธอพูดว่า " คุณเซ็กซี่มาก" จะทำให้ผมพอใจครับ เพราะคำพูดนี้ส่วนใหญ่จะมีไว้ให้ผู้ชายบอกกับผู้หญิง
มันเลยหายากที่จะมีผู้หญิงมาพูดประโยคนี้กับผู้ชายครับ

[Trans] คำถาม ถามตอบ กับบิกแบง จากนิตยสาร Scawaii จากญี่ปุ่น



D-LITE

Q. ตอนนี้คุณกำลังสนใจอะไรอยู่?
A: รถยนต์ฮะ ผมอยากจะขับรถ อยากจะลองขับ Lamborghini Revent?n ซักครั้งก็ยังดี

Q. ในตอนออกเดทคุณอยากจะทำอะไร??
A: ขับรถเล่นไปทั่วประเทศในขณะที่ฟังเพลงไปด้วยฮะ

Q. ในฐานะที่เป็นสมาชิกวงบิกแบง คุณมีจุดมุ่งหมายอะไรในอนาคต ??
A: ผมคิดว่า....น่าจะเป็นการเป็นที่รักของคนมากๆๆครับ
นอกจากนี้ผมก็ต้องการให้เราเป็นวงที่เข้ากับแฟนๆและเล่นสนุกกับแฟนๆของเราได้

----------


T.O.P

Q. น่ารัก เซ้กซี่ เท่ คุณสมบัติไหนในสามอย่างนี้ที่คุณชอบให้มีในผู้หญิง??
A: ผมอยากจะให้มีทั้งสามอย่างเลยฮะ

Q. คุณใช้เวลาในวันว่างทำอะไร??
A: ผมไม่ค่อยจะมีวันว่างหรอกครับช่วงนี้ แต่ถ้าผมมีวันหยุด ผมจะดื่มไวน์ไปเรื่อยๆพร้อมกับฟังเพลงโปรด

Q. ช่วยอธิบายลักษณะของผู้หญิงในอุดมคติของคุณให้ฟังหน่อย??
A: ผมชอบผู้หญิงที่มีสไตล์และเป็นคนที่สนใจในเรื่องแฟชั่น และผมก็ต้องการให้ผู้หญิงของผมเลือกเสื้อผ้าให้ผมด้วย

Q. ตอนนี้คุณก็เป็นนักแสดงแล้ว ในอนาคตคุณจะลองงานในด้านอื่นๆอีกไม๊??
A: ผมยุ่งทุกวันเลยฮะ ดังนั้นมันคงจะยากเล็กน้อยถ้าต้องไปจับอะไรใหม่ ดังนั้นตอนนี้ผมพอใจกับสถานะของตัวเองครับ

Q. ตอนที่คุณยืนอยู่บนเวทีในฐานะ สมาชิกวงบิกแบง มันให้ความความรู้สึกที่แตกต่างไปไม๊??เวลาคุณแสดง??
A: ผมคิดว่าความรู้สึกที่ผมมีต่อเสียงเพลง ภาพยนตร์ และละครนั้น มันเหมือนกันครับ ผมใช้พลังงงานของผมไปกับการสื่อสารไปยังผู้ชมหรือผู้ฟัง แต่ผมพยายามที่จะทำอะไรด้วยวิธีที่แตกต่างออกไปเพื่อแสดงออกถึงสไตล์ของตัว เองทั้งในเพลงและในงานการแสดง

----------------


V.I.

Q. ในตอนออกเดทคุณอยากจะทำอะไร?? ?
ผม อยากจะนัดเจอกับเธอในที่ที่เงียบๆครับเพราะตอนที่ผมทำงานผมถูกห้อมล้อมไป ด้วยคนมากมาย ผมอยากจะไปดูหนัง ผมอยากจะทำอะไรที่คนเค้าทำกันเหมือนออกเดททั่วๆไปแหละฮะ

Q. คุณอยากจะให้ผู้หญิงของคุณแต่งตัวสไตล์ไหนตอนที่ออกเดท??
A: อะไรที่เป็นแบบผู้หญิ้งผู้หญิงฮะ ชุดเดรสครับ!!

Q. ตอนนี้คุณกำลังสนใจในเรื่องอะไร??
A: รถยนต์ฮะ ผมได้ใบขับขี่มาและผมก็เสพติดการขับรถไปแล้ว ตอนนี้เรากลายเป็นพวกชอบความเร็วไปแล้วละฮะ

Q. อะไรที่ทำให้คุณรู้ได้ว่าคุณแมนมากๆ??
A: ผมไม่กันคิ้วครับ ผมรู้สึกว่ามันจะดูแมนมากขึ้นด้วยคิ้วหนาๆ

Q. ความท้าทายอะไรที่คุณอยากจะลองทำดูในอนาคต??
A: ผมอยากจะแสดงคอนเสริต์ในหลายๆที่ครับ

-----------------


SOL

Q. ช่วยอธิบายลักษณะของผู้หญิงในอุดมคติของคุณให้ฟังหน่อย??
A: ผมชอบผู้หญิงที่คอยฟังผมและเข้าใจผม คนที่ดูบริสุทธิ์และเป็นผู้หญิงมากๆ

Q. ในตอนออกเดทคุณอยากจะทำอะไร?? ?
A: ผมอยากจะไปเดินเล่นในสถานที่ที่มีวิวสวยๆและทานอะไรอร่อยๆด้วยกัน ผมชอบทานของอร่อยๆฮะ

Q. อะไรที่ทำให้คุณรู้ได้ว่าคุณแมนมากๆ??
A: ตอนที่ผมรู้สึกว่าผมแข็งแรง

Q. นอกจากการทำงานแล้ว อะไรที่คุณอยากลองทำเพื่อความสนุกบ้าง??
A: เรียนครับ ผมอ่านหนังสือและเรียนรู้เกี่ยวกับชีวิต ผมคิดว่าการพัฒนาตัวเองจะมีอิทธิพลต่อการทำเพลงของผมได้

Q. ในฐานะที่คุณเป็นศิลปินคุณอะไรคือ จุดมุ่งหมายของคุณ ??
A: ผมต้องการที่จะนำเสนอเพลงดีๆออกมาเสมอไม่ว่าจะเป็นบนเวทีเล็กหรือใหญ่ ผมหวังว่าผมจะกลายเป็นศิลปินที่สามารถดึงดูดใจคนในครั้งแรกที่พวกเค้าเจอผม ครับ

-----------------


G-Dragon

Q. ตอนนี้คุณกำลังสนใจในเรื่องอะไร??
A: รถยนต์ครับ

Q. คุณมักจะแต่งตัวและมีสไตล์ตลอดเวลา อะไรที่คุณให้ความสนใจมากที่สุดในตอนนี้ ??
ตอนนี้จะเป็นแหวนและรองเท้าผ้าใบครับ ผมชอบอะไรที่มันมีหมุดฝังอยู่

Q. สไตล์แฟชั่นแบบไหนที่คุณชอบให้ผู้หญิงสวมใส่?
ไม่ ได้เจาะจงเลยฮะ ผมคิดว่า คนเราควรจะสวมใส่อะไรที่ดูเหมาะสมกับตัวเอง แต่แน่นอนแหละฮะผมไม่ชอบอะไรที่มันดูเปิดเผยเกินไป ผมอยากให้เธอสามารถที่จะแสดงออกความเป็นตัวของตัวเองออกมาได้ในสิ่งที่เธอ สวมใส่ครับ

Q. น่ารัก เซ้กซี่ เท่ คุณสมบัติไหนในสามอย่างนี้ที่คุณชอบให้มีในผู้หญิง??
A:ผมชอบคนที่ดูเท่ๆเวลาที่อยู่กับคนอื่น แต่จะทำตัวน่ารักและมีสไตล์เวลาอยู่กับผม และผมก็ชอบคนที่เซ็กซี่ด้วยครับ


Eng Translation & Scans by Tisya @ www.bigbangupdates.com
Thai Translation by undercover @ VIPP @ Choitopthailand
(Please credit when re-posting^^)

[Trans] สัมภาษณ์พิเศษ Seungri+Hiroki จากนิตยสาร Junon Japan




หลังจากที่ดูภาพยนตร์เรื่อง Drop Narimiya ก็กลายเป็นหนึ่งในนักแสดงคนโปรดของ VI
หลังจากที่ตอบรับความชื่นชมที่VI มีต่อเค้า Narimiya ก็ได้ยอมรับว่าเค้าก็เป็นหนึ่งในแฟนๆของบิกแบงด้วย

ในการพบกันครั้งแรกของพวกเค้า พวกเค้าได้พูดคุยกันถึงสิ่งที่พวกเค้าสนใจ
การพูดคุยในครั้งนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกที่แท้จริงและเรื่องตลกขบขัน
VI ได้เตรียมของขวัญพิเศษมาเซอร์ไพล์ Narimiya ด้วย

Part 01. เรียนภาษาญี่ปุ่นผ่านการดูภาพยนตร์เรื่อง Drop

Narimiya: คุณต้องพูดภาษาญี่ปุ่นเก่งแน่ๆเลย ใช้เวลานานแค่ไหนครับเนี่ยกว่าจะเก่งได้ขนาดนี้??
V.I: ผมคิดว่าน่าจะประมาณ 3 เดือนนะฮะ แต่ผมเรียนภาษาญี่ปุ่นมาตั้งแต่สองปีที่แล้วแล้วละครับ
Narimiya: จริงเหรอฮะ?? คุณหัวดีมากเลย
V.I: ตอนที่เริ่มแรกๆผมจะเรียนรู้ผ่านการดูละครหรือหนังญี่ปุ่น โดยการที่พยายามออกเสียงให้เห็นในละครที่ดู ครับ
ผมชอบคุณ Narimiya หลังจากที่ได้ดู หนังเรื่อง Drop ฮะ แม้ว่าผมจะไม่ชอบการต่อสู้ก็ตาม

Narimiya: ผมก็เกลียดการต่อสู้ฮะ (หัวเราะ)

V.I: ในหนัง นาริมิยะคุงจะมีท่าทางแบบแบดบอยแล้วก็ทำผมสีแดง ผมคิดว่าท่าทางของเค้าเท่มากๆๆ
และจะน่ารักเป็นพิเศษในตอนที่เค้าแสดงออกด้านที่อ่อนโยนของเค้าออกมาตอนที่คุยกับสาวๆ
ผมคิดว่าน่าจะเป็นในฉากที่สารภาพรักนะครับ " อืมม เธอไม่อยากออกเดทกับฉันเหรอ??"
ในตอนที่ผมดูผมอยู่บ้านคนเดียวครับตอนนั้น ด้วยคำพูดประโยคนี้ทำให้ผมต้องหัวเราะออกมาดังๆ
คำพูดอย่าง "Ermm" "ไม่มีทาง" " แต่ฉันชอบเธอนะ" " ขอโทษฮะ"
ทำให้คุณดูเป็นคนขี้อายมากๆๆเวลาพูดประโยคเหล่านี้กับสาวๆ (หัวเราะ)

Narimiya: คำพูดในบทในตอนนั้นไม่มีอยู่ในบทนะฮะ ครึ่งนึงนั้นผมคิดออกมาเองเลย
V.I: ห๋า จริงเหรอฮะ??"

[Trans] สัมภาษณ์ G-dragon ในนิตยสาร Junon Japan




Q ความฝันในวัยเด็ก ??
เป็นนักร้องครับ ตั้งแต่ผมเป็นเด็กผมก็ใฝ่ฝันมุ่งตรงไปที่การเป็นนักร้องครับ
ตอนนั้นผมเริ่มเขียนเนื้อเพลงด้วยตัวเอง น่าจะเป็นช่วงที่ผมอยู่ชั่นประถม
ผมต้องการที่จะบรรยายความรู้สึกของตัวเองให้คนอื่นรับรู้ผ่านทางเสียงเพลง


Q คุณมักจะเป็นจีดีที่เท่ตลอด ตอนที่คุณเลือกสวมใส่อะไร จุดไหนเป็นจุดที่คุณให้ความสำคัญมากที่สุด??
แบบเสื้อครับ ผมต้องเลือกอะไรที่เหมาะกับรูปร่างของตัวเอง
ก่อนหน้านี้ ผมมักจะสวมใส่เสื้อผ้าที่มีดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์แบบที่ไม่มีใครใส่กัน
แต่หลังๆนี้ ผมว่าสไตล์ของผมเปลี่ยนไปนิดหน่อยฮะ แทนที่จะเลือกเสื้อผ้าที่หวือหวา
ผมก็จะเลือกอะไรที่เรียบง่าย ผมชอบแบบนั้น
และเป็นเพราะมีร้านเยี่ยมๆหลายร้านที่ญี่ปุ่น ผมอยากที่จะไปตามหาเลือกดูเลือกซื้อ
ผมคิดว่าผมชอปปิ้งที่ญี่ปุ่นมากกว่าที่เกาหลีหลายเท่าเลยครับ

[Trans] สัมภาษณ์ Bigbang จากนิตยสาร AnAn Japan




คำวิจารณ์จะช่วยให้ผมพัฒนาตัวเอง

คนที่คิดแนวทางตัดสินใจเกี่ยวกับเพลงของ บิกแบง นั้นก็คือหัวหน้าวง จีดราก้อน

GD: เราต้องการที่จะออกอัลบั้มใหม่ที่เกาหลีในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ครับ ดังนั้นผมกำลังเตรียมการอยู่
ยังไงก็ตามแต่มันก็เหมือนกับการต้องพิชิตภูเขาลูกใหม่อีกครั้ง
ในช่วงนี้เพลงในแบบ "Electropop" กำลังได้รับความนิยมมากในเกาหลี แต่ผมคิดว่าเราควรจะต้องแหวกกระแส
เราต้องการที่จะทำเพลงในแบบที่แตกต่างออกไปเพื่อให้ผู้คนได้หวนนึกถึงเรื่องในอดีตและรู้สึกอบอุ่นใจ
ภูเขาแบบเนี้ยแหละฮะที่เราอยากจะปีนขึ้นไป

เราได้ยินมาว่าความสามารถในฐานะที่เป็นโปรดิวเซอร์ของเค้า
ไม่เพียงแต่เป็นที่รู้กันในประเทศเกาหลีเท่านั้นแต่ยังเลื่องลือไปยังประเทศต่างๆอีกด้วย


GD:พูดตามตรงนะครับ การที่โปรดิวงานของตัวเองนั้นน่าสนใจกว่าไปโปรดิวงานของคนอื่นมากเลย
เพราะผมมักจะอยากจะจับเอาทุกเรื่องออกมาไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ผมคิดหรือสิ่งที่ผมชอบ
ในช่วงที่ผมทำงานเดี่ยวเมื่อปีที่แล้ว ผมสามารถที่จะบรรยายทุกอย่างที่ผมต้องการออกมาได้
แต่ในขณะเดียวกัน ผมก็เพิ่งมาตระหนักว่า มี กลุ่ม" แอนตี้จีดราก้อน" อยู่มากมาย
แต่ผมคิดว่าคำวิจารณ์ของพวกเค้าจะช่วยผมในการที่จะพัฒนาตัวเอง

==================

[Trans] สัมภาษณ์ TOP จากนิตยสาร Junon Japan

" ถ้าผมตกหลุมรัก ผมจะหลงใหลไปกับมันอย่างมาก มากจนไม่มีเหตุผล"



Q:ความทรงจำที่ดีที่สุดในช่วงฤดูร้อนปีนี้คือ??
TOP:ภาพยนตร์เรื่อง into the fire ที่ผมร่วมแสดง ออกฉายและมีคนมาดูมากมายครับ
หลังจากนั้นเราก็ได้ไปร่วมแสดงในงานเทศกาลดนตรี Summer sonic 2010 ที่ญี่ปุ่น ดังนั้นผมจึงรู้สึกตื่นเต้นดีใจมาก
อากาศร้อนมากจริงๆแต่ผู้ชมร้องแรงกว่าอากาศอีกนะครับ (หัวเราะ) และเพราะเหตุนี้ผมจึงรู้สึกดีขึ้นและวิ่งไปทั่วเวทีเลยครับ

Q:คุณเคยพูดไว้ในการสัมภาษณ์กับ Junon ครั้งก่อนว่า
คุณอยากจะไปท่องเที่ยวและผ่อนคลายที่ญี่ปุ่น คุณมีโอกาสได้ทำอย่างที่พูดรึยัง??
TOP:เสียใจที่ต้องบอกว่า ยังเลยครับ (หัวเราะ) แต่ว่าผมได้ไปบาหลีเป็นการส่วนตัวในช่วงเดือนมิถุนายที่ผ่านมาครับ
ตั้งแต่ผมเดบิวในนามของบิกแบง ผมก็ทำงานเพลงไม่ก็ถ่ายละคร ถ่ายหนังตลอด จนไม่มีเวลาพักเลย
ดังนั้นผมจึงเตรียมการให้แน่นอนว่าในช่วงที่ผมเสร็จการถ่ายทำภาพยนตร์ผมจะต้องไปพักผ่อน
ผมเดินทางไปที่นั่นและก็ไปนอนพักผ่อนครับผมไม่ได้ออกไปดูวิวชมเมืองเลย อยู่แต่ในโรงแรมครับ

[Trans] สัมภาษณ์ YB จากนิตยสาร Junon Japan

"ผมมักจะหัวเราะอยู่เสมอ เวลาได้อยู่กับสมาชิกวงบิกแบง "

 

Q: การกระทำอะไรของผู้หญิงที่ทำให้หัวใจของคุณรู้สึกตื่นเต้นบ้าง??
YB: ผมคิดว่ามันขึ้นอยู่กับเวลาและสถานการณ์นะครับ แต่ผมชอบผู้หญิงที่ทำงานหนักและตั้งใจในสิ่งที่ตัวเองกำลังทำครับ

Q:เร็วๆนี้มีเรื่องอะไรที่ทำให้คุณหัวเราะ ??
YB:ผมมักจะหัวเราะเสมอเวลาอยู่กับสมาชิกวงบิกแบงครับ(หัวเราะ)ผมพูดคุยกับพวกเค้าในหลายๆเรื่อง
และบางทีเรื่องที่คุยกันก็ตลกมากๆบางทีก็เป็นเรื่องเล็กน้อยๆที่ไม่มีสาระ
แต่ท่าทางหรือการเล่าของแต่ละคนที่ทำซะเกินจริงมันทำให้เราหัวเราะกันอย่างหนักเลยฮะ
ผมจะมีมุขตลกและเรื่องตลกในแบบของผม (หัวเราะ) เวลาที่ผมเล่นมุขนั้นเมื่อไหร่สมาชิกทุกคนจะหัวเราะกัน
สมาชิกทุกคนต่างก็มีเรื่องตลกในแนวทางที่ต่างกันไป
ดังนั้น บางทีเราก็เริ่มหัวเราะเพราะคิดว่ามุขนั้นเค้ากับบุคคลิกของแต่ละคนจริงๆ

[Trans] สัมภาษณ์ Seung Ri จากนิตยสาร Junon Japan

ผมอยากจะดูใบไม้เปลี่ยนเป็นสีแดงที่ญี่ปุ่นในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ครับ



Q:การพูดภาษาญี่ปุ่นของคุณคล่องมากเลย ประโยคไหนที่คุณชอบมากที่สุด??
A: "สาวสวยคนนี้คือภรรยาของผม" ถ้าผมพูดประโยคนี้กับสาวๆๆ เธอจะรู้สึกดีใจมาก มีคนบอกผมมาแบบนี้อะครับ (หัวเราะ )

Q:ในบรรดาละครหรือภาพยนตร์ญี่ปุ่นที่คุณได้ดูเมื่อไม่นานมานี้ เรื่องไหนที่คุณชอบมากที่สุด??
A:Kisarazu Cat?s Eye ครับ แม้ว่าผมจะไม่ชอบพวกวัยรุ่นอัธพาล
แต่ผมชอบละครที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับพวกเค้า (หัวเราะ)Junichi Okada ดูดีมากฮะ Sakurai Sho ก้ด้วย
แต่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดคือ UCHI(ชื่อเล่นของคุณ Junichi Okada)

[Trans] สัมภาษณ์ DS นิตยสาร Junon Japan

แค่เห็นรอยยิ้มที่อบอุ่นจากสาวๆผมก็ตื่นเต้นแล้วครับ



Q: เทวดาแห่งรอยยิ้ม D-lite คุณมีเคล็คลับอะไรในการยิ้มได้สวยแบบนี้??
D-LITE: 555555 (ยิ้มเขิล) ผมไม่เคยคิดเลยแม้แต่ครั้งเดียวว่าผมเป็นคนยิ้มสวยครับ (หัวเราะ)
ผมมักจะยิ้มออกมาโดยธรรมชาติกับเรื่องที่ทำให้ผมดีใจรอบๆตัวผมครับ

Q: ในทางกลับกัน คุณร้องไห้บ่อยไม๊??
D-LITE: ในตอนนี้ไม่เลยครับ ผมไม่ได้ร้องไห้บ่อยๆครับ ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีเรื่องอะไรที่จะมาทำให้ผมร้องไห้
แต่ในช่วงนี้ผมต้องถ่ายทำละครที่เกาหลี มันทำให้ผมประหม่าเพราะนี่เป็นครั้งแรกของผมที่ผมรับงานการแสดง
มันเป็นเรื่องที่ยากมาก และนั่นเป็นเหตุผลที่ผมขอไม่ให้ในเรื่องมีฉากร้องไห้ครับ (หัวเราะ)