Flag Counter

free counters

วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2556

[Trans] ตามติดชีวิตซุปเปอร์สตาร์ฮิปฮอปจากเกาหลี แดเนียล ลี #4 ตอนจบ



ตามติดชีวิตซุปเปอร์สตาร์ฮิปฮอปจากเกาหลี แดเนียล ลี #4 (The Stalking of Korean Hip Hop Superstar Daniel Lee)



ในเดือนมกราคม 2010 โจโพสต์วิดีโอบน Facebook ซึ่งเป็นวิดีโอที่เขาเล่นโซโล่ไวโอลินอย่างตั้งใจ เขาใช้ชื่อในช่อง YouTube ว่า ViolinistAtHeart หลังจากจบสแตนฟอร์ดด้วยปริญญา 2 ใบทางด้านประวัติศาสตร์และวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ เขาก็เข้าทำงานเป็นที่ปรึกษาเกี่ยวกับสิทธิบัตรที่แคลิฟอร์เนีย ไม่ใช่ชีวิตยิ่งใหญ่ที่เขาอยากเป็นเท่าไหร่นัก

ซิมม่อนส์ไม่ได้ติดต่อกับโจมา 12 ปีแล้วหลังจากที่เธอออกจาก SIS เมื่อเธอเห็นวิดีโอจึงโพสต์ข้อความเอ่ยชม แต่โจกลับตอบเธออย่างโกรธแค้น


"เจ้านักกวีแสร้งฉลาดจอมปลอมนั้นมาญาติดีกับฉันไม่ได้แล้ว ความผิดพลาดที่ร้ายแรงของมันคือการให้แดน ลีเข้าเรียนสแตนฟอร์ดตอนปี 1998" เขาเขียนในอีเมล์กลับมา ซึ่งซิมม่อนส์ไม่ได้เอ่ยถึงลีเลยซักนิด "แดน ลีเป็นตัวอัปยศให้ตระกูลของฉัน เจ้าเด็กเกรเรติด F ที่ถูกพักการเรียนจาก SIS"


เขาระบายความในใจออกมายาวถึง 6 ย่อหน้า โดยโจกล่าวหาว่าลีไม่ได้มี IQ อย่างที่ทุกคนคิดแต่กลับถูกยกยอว่าเป็นนักเรียนระดับแนวหน้าตอนมัธยมและมหาลัย เขายังเขียนอีกว่าลีเป็นไอ้งั่งที่ถูกเตะออกจากโรงเรียนมัธยม "นี่ไม่ใช่เพราะฉันอิจฉานะ" โจเขียนต่อ "ฉันไม่เห็นต้องอิจฉาหมอนั่นเลย แค่เกลียดที่เขาไม่พูดความจริง"


ซิมม่อนส์ไม่ได้ตอบเมล์กลับเพราะเธอกำลังงงว่าคำชมของเธอไปกระตุ้มต่อมอะไรของเขา 3 วันต่อมาโจก็เขียนมาบอกว่า "แล้วอีกอย่างนะคุณซิมม่อนส์ ผู้คนในเอเซียตะวันออกไม่ต้องการคุณหรอก เราจะเป็นเจ้าของประเทศของเราเอง ในศตวรรษนี้แหละ เรื่อยๆ ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งพวกที่ไม่ใช่คนเอเซียถูกบีบให้ยอมแพ้... นี่แหละคือภารกิจจากมันสมองระดับหัวหน้าอย่างฉัน ผู้ที่จะผลักดันให้เกาหลีรวมกันเป็นหนี่งในไม่ช้า"

ตอนสัมภาษณ์ผ่านโทรศัพท์ โจเต็มใจที่จะคุยเรื่องอีเมล์ที่เขาส่งให้ซิมมอนส์ แต่เลี่ยงที่จะบอกว่าตัวเขาเป็นคนโพสข้อความกล่าวหาในบล๊อกนั้นจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ข้อความในบล๊อกนั้นมีถ้อยคำรุนแรงกล่าวหาเหมือนในอีเมล์ ทั้งเรื่อง IQ ของลีและวุฒิการศึกษา "ไม่ใช่เพราะอิจฉานะ" โจยังยืนยันคำเดิม เขายอมรับว่าเคยโพสคอมเมนต์เกี่ยวกับลูกพี่ลูกน้องของเขาเมื่อนานมาแล้ว แต่ตอนนี้เขาไม่ได้ทำแล้ว (บล๊อกที่ใช้ชื่อเขาถูกทิ้งร้างมานานแล้ว) ในเมล์ฉบับต่อมาเขาขอร้องไม่ให้นิตยสาร Wired ติดต่อเขาอีก และบอกว่าข้อมูลที่ได้จากคนที่ใช้ชื่อของเขาถูก "เผยแพร่อย่างไม่ถูกต้อง"

เมื่อกระแสต่อต้านลีเริ่มขึ้น คนที่ใช้ชื่อของโจกลับเปลี่ยนใจและไปปกป้องลีแทน เขาบอกว่าปริญญาของลีเป็นของจริง "ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมผู้คนถึงบอกว่าวุฒิการศึกษาและทรานสคริปส์ของเขาเป็นของปลอม" เขาเขียนไว้

แต่ม็อบออนไลน์ไม่เชื่อ "เรื่องปริญญาปลอมของทาโบลคงไม่ยืดเยิ้อรุนแรงขนาดนี้ถ้านายไม่ได้พูดด่าทาโบล" บล็อกเกอร์อีกคนที่ชื่อ Pusheke เขียนตอบ "ถึงจะมีข่าวลือมานับต่อนับ แต่ข่าวลือนั้นเพิ่งมาถูกยืนยันด้วยคุณโจ" คนที่คอยสร้างกระแสแอนตี้ไม่สนใจคนที่มาแย้งอยู่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงเลิกเอาข้อความที่โจเขียนมาแปะเป็นหลักฐาน ไม่นานบทบาทของเขาในกระแสแอนตี้ลีก็ถูกกลืนหายไปกับคำกล่าวหาลีอันใหม่ๆ จากแอนตี้คนอื่น





ในเดือนสิงหาคม 2010 ซีวุค โซ ตำรวจไซเบอร์สังกัดกรมตำรวจแห่งชาติเกาหลีเริ่มสืบสวนการปลอมวุฒิการศึกษาของลี รวมถึงข้อความหมิ่นประมาทของลีด้วย เขานั่งสอบลีนานถึง 8 ชั่วโมงก่อนจะจบข้อกล่าวหาเหล่านั้นว่าไม่เป็นความจริง

จากนั้นเขาจึงหันไปสนใจกลุ่มแอนตี้ลี เริ่มด้วย Whatbecomes โซใช้หมายศาลเรียกตัวกลุ่มแอนตี้ด้วยการดึงข้อมูลจากเซอร์วิสของเกาหลีที่โฮสเว็บไซด์ TaJinYo -- แม้คนที่เป็นanonymous ก็ต้องกรอกชื่อและข้อมูลส่วนตัวเวลาสมัคร จนในที่สุดเขาก็พบว่า Whatbecomes เป็นชายแก่อายุ 56 ปี มีลูกสาว 2 คน อาศัยอยู่ที่ชิคาโก้ ชื่อจริงคือ อินซอก คิม

ในโพสของเขา คิมบอกว่าเขามีลูกสาว 2 คน คนนึงทำงานอยู่ที่มหาวิทยาลัยจอส์ฮอปกินส์ โดยทั้งคู่ได้เป็นหมอแล้ว จากข้อความในสื่อเขาบอกว่าเขารับผิดชอบเรื่องการสร้างกระแสแอนตี้ โดยอ้างว่า "พวกที่ปลอมปริญญาจากมหาลัยดังๆ กำลังทำร้ายวัยรุ่นที่ตั้งใจเรียนจริง" กลายเป็นว่าเขาเป็นแค่พ่อที่โกรธแทนพวกที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมเท่านั้น

เดือนมกราคม 2011 กรมตำรวจแห่งชาติเกาหลีเห็นว่าควรดำเนินการต่อเกี่ยวกับข้อความหมิ่นประมาทลี จึงฟ้องคน 11 คนที่เกี่ยวข้องกับกระแสแอนตี้ออนไลน์ รวมถึงการส่งผู้ร้ายข้ามแดนนามว่าคิมให้บินมาจากสหรัฐ คดีฟ้องร้องนี้ยังรออยู่ที่ศาลกรุงโซล (หมายเหตุ - ทาโบลเป็นฝ่ายชนะคดีเมื่อประมาณกลางปี 2012 เป็นอันว่าคดีสิ้นสุดแล้วค่ะ)

เมื่อปลายปี 2011 ผมอีเมล์ไปหาคุณคิมถามเกี่ยวกับการกล่าวหาครั้งนี้ เขาปฎิเสธที่จะคุยกับผมผ่านโทรศัพท์และท้าให้ผมไปสแตนฟอร์ดเช็คดูว่าลีจบมาจากที่นั่นจริงมั้ย ผมอธิบายว่าผมไปมาแล้วและไม่เจอว่าเขาจะปลอมปริญญาตรงไหน ผมจึงถามเขาต่อเรื่องโพสในบล็อกของคนที่ใช้ชื่อว่าโจที่กล่าวหาลี


"คุณรู้มากกว่าผมละน่า" คิมเขียนตอบกลับมา และบอกผมว่าอย่าติดต่อกลับมาอีก




"ฉันเชื่อว่าที่แดนโดนแอนตี้แบบนั้นเป็นความผิดของแดนเอง" โจเอ่ยตอนที่ผมโทรไปหาเขาที่บริษัทให้คำปรึกษาด้านสิทธิบัตรในซานตาคลารา "เขามีเงินมากมายที่เกาหลีจากความโด่งดัง โดยเฉพาะเรื่องที่จบจากสแตนฟอร์ด เป็นการตลาดที่ได้ผลมาก"


โจย้ำอีกว่าลีโอ้อวดเรื่องความสำเร็จตอนเรียน แต่ก็ย้ำด้วยว่าลีจบปริญญาตรีและโทจากสแตนฟอร์ดด้วย เมื่อผมขอให้เขาอธิบายว่าคำโอ้อวดนั่นหมายความว่าไง เขาบอกว่าสาขาภาษาอังกฤษเรียนง่าย วิชาไม่ยาก และมีคนจบเยอะ "อย่างฉันเองได้ปริญญามา 2 สาขา มันไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ก็จริง" เขาเอ่ย "แต่มันอยู่ที่วิธีพูดว่า 'ฉันเลือกที่จะเรียน' หรือ 'ฉันมันโคตรซุปเปอร์อัจฉริยะ'"


ผมถามเขาอีกว่าเสียใจบ้างมั้นที่เขียนข้อความด่าลูกพี่ลูกน้อง และข้อความพวกนั้นถูกแอนตี้ทาโบลเอาไปต่อยอด


"ผมเชื่อในเสรีการออกความคิดเห็น" เขาเอ่ยและบอกว่าสิ่งที่เขาเขียนไม่เชิงว่า 'ผิดซะทีเดียวหรือเจตนามุ่งร้ายขนาดนั้น' ยิ่งกว่านั้นเขาแย้งกลับว่าเราไม่สามารถรับผิดชอบสิ่งที่คนอื่นคิดเกี่ยวกับข้อความของเขา "ก็เหมือนกับเวลาทวีตอะไรไป คุณก็ควบคุมสิ่งที่คุณทวีตไปแล้วไม่ได้นั่นแหละ"


เมื่อผมถามว่าเขาคุยกับลีครั้งสุดท้ายเมื่อไร โจบอกว่าลีหยุดตอบเมล์ของเขาหลังจากที่เขามีชื่อเสียง (ลีแจ้งมากับผมว่าโจเปลี่ยนอีเมล์และไม่เคยได้รับเมล์จากโจเลย) โจบอกว่า "แค่อยากส่งเมล์ไปทักทาย แต่เขาไม่ตอบเลย"

พวกเขาต่างรู้จักกันมาเกือบทั้งชีวิตและได้ไปโรงเรียนเดียวกัน โจอธิบายว่าจู่ๆ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป "ทาโบลไม่เคยเอ่ยถึงฉัน ไม่เคยคุยเรื่องฉัน ไม่เคยบอกใครเลยว่ามีลูกพี่ลูกน้องอยู่สแตนฟอร์ด มันคงเป็นความจริงที่เขากลัว" เขาเอ่ย "เขามีความอ่อนแอที่ต้องปิดบังไว้ นั่นทำให้เขาไม่เคยเอ่ยถึงฉัน ฉันคิดว่าเราต่างรู้ว่ามันหมายถึงอะไร"


ผมขอให้โจเล่าความลับสกปรกของลูกพี่ลูกน้องเขา


ย้อนกลับไปเมื่อสมับมัธยม โจบอกว่าเขาเป็นนักเรียนชั้นแนวหน้า เขาเขียนเรียงความสมัครเข้าเรียน (application essay) เกี่ยวกับพ่อของเขา ปีต่อมาลีก็เขียนเรียงความเกี่ยวกับพ่อเหมือนกัน โจไม่พอใจนัก "เขารู้ว่าผมเขียนถึงพ่อ และรู้ด้วยว่านั่นทำให้ผมได้เข้าเรียน" โจเอ่ย


เขาอธิบายว่าที่ลีได้เข้าสแตนฟอร์ดก็เพราะเขา โจได้สร้างเรื่องประทับใจไว้หลายอย่าง เขาอ้างว่าปริญญาจากสแตนฟอร์ดทำให้ลีโด่งดังในวงการเพลงของเกาหลี แต่ลีไม่เคยขอบคุณเขาเลย ไม่แม้แต่ตอบกลับเมื่อโจมส่งเมล์ไป "เขาโดนแบบนี้เพราะเขาทำตัวเอง" โจเอ่ย "ผมรู้สึกเหมือนเด็กที่ใกล้เรียนจบแล้วไม่มีใครสนใจ"





ในปี 2011 ลีใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในห้องเล็กๆ ในอพารท์เมนต์ที่อัดด้วยชั้นหนังสือและเปียโน ปริญญาสแตนฟอร์ดของเขาอยู่หลังกองผ้าทำความสะอาดชั้นบนสุด หลายเดือนมานี้เขาเขียนเพลงมืดมน เพลงเศร้า และร้องให้ตัวเองฟัง เขาไม่อาจทำอะไรได้อีกแล้ว เขาเลิกหวังว่าจะได้ขึ้นเวทีอีก "ชีวิตจบสิ้นแล้ว" เขาเอ่ย

แต่เมื่อภรรยาของเขาให้เขาพบกับประธาน YG ทำให้เขาตัดสินใจคว้าโอกาสนี้และเข้าสตูดิโอ วันที่ 21 เดือนตุลาคม 2011 เขาได้ออกเพลง 10 เพลงภายใต้อัลบั้ม Fever’s End เขาเดบิวในฐานนะนักร้องเดี่ยว อุดมด้วยเพลงเศร้าเจ็บปวด ความโกรธขึ้ง และการท้าทาย ตามมาด้วยการมองในแง่ดี "อัลบั้มนี้คือสิ่งยืนยันว่าความดีของเขาไม่ถูกแปดเปื้อนด้วยข่าวที่ว่าเขาปลอมปริญญา" นักวิจารณ์เพลงชื่อดังแห่ง Hellokpop.com นามว่าจุงแบเขียนไว้ "ในเรื่องของการแสดงอารมณ์นั้น Fever’s End ทำได้ดีกว่าอัลบั้มเก่าๆ ของเขามาก -- ซึ่งอัลบั้มพวกนั้นก็ถือว่าเป็นสุดยอดเพลงฮิปฮอปเกาหลีแล้ว" ในกระแสโลกเองก็ตอบรับแบเดียวกัน โดย MTV บอกว่านี่คือ 1 ใน 5 อัลบั้มเดบิวที่เจ๋งที่สุดในโลกเมื่อปี 2011

Fever’s End พุ่งขึ้นไปอยู่ระดับสูงสุดของชาร์ตเพลงทั้งในเกาหลีและต่างประเทศ อัลบั้มขึ้นไปถึงที่ 2 ในชาร์ตอัลบั้มเพลงบิลบอร์ดของโลก และได้ที่ 1 ในชาร์ต iTunes hip hop ที่อเมริกาและแคนาดา มันไม่สำคัญอีกแล้วว่าเขาเคยเรียนที่สแตนฟอร์ดหรือเปล่า เพราะเพลงของเขาได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้ว

บทความเขียนโดย Joshua Davis (jd@joshuadavis.net


Take out with full credit!
***กรุณาเอาไปทั้งเครดิต เข้าใจมั้ย?
Source: http://www.wired.com/underwire/2012/04/ff_koreanrapper/
Thai Trans by: Icys-fic.exteen.com

2 comments:

  1. That's very great at all. At first i started to listening his album "Fever's End.." OMG!!!
    Since i graduated with BA. in Eng.. All of his Lyrics in this album so deep from the bottom of heart...
    I think it's the best not sadly but beautiful words in the song he wrote ...
    No reason for me to believed in it. He is the one of greatest artist...
    I respect about him...#TABLO..#EPIK HIGH

    ตอบลบ
  2. edit for ....No reasons for me to unbelieved in it. He is the one of greatest artist...
    I respect about him...#TABLO..#EPIK HIGH

    ตอบลบ