Flag Counter

free counters

วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2554

[Trans] 090311 สัมภาษณ์ จีดราก้อน กับ 10 Asia


BIGBANG IS BACK เป็นคำพูดที่พวกเค้าบอกกล่าวให้ผู้คนทราบถึงการกลับมาของพวกเค้า
ในวงการเพลงในประเทศหลังจากที่ห่างหายไปนานกว่า 2 ปี 3 เดือน ประโยคที่แสนสั้นและได้ใจความ

แต่บิกแบงที่เราเจอในวันนี้แตกต่างไปจากเมื่อ2 ปีก่อน สมาชิกในวงทุกคนต่างก็ได้ไปทำงานเดี่ยวกันทั้งนั้น
ในตอนนี้พวกเค้าจึงเป็นวงที่มีดาราดังมารวมตัวกันถึง 5 คนมากกว่าจะดังด้วยตัวของวงเอง
และกลายเป็นวงที่มีเอกลักษณ์มากเข้าไปอีก
จีดราก้อน ท็อป แทยัง ซึงรี และแดซอง สร้างสรรค์เพลงของบิกแบงที่เราได้ยินในทุกวันนี้ออกมาอย่างไร??

ด้านล่างนี้ เป็นบางส่วนจากบทสัมภาษณ์ จีดราก้อน โปรดิวเซอร์ของอัลบั้มของพวกเค้า กับ 10 asia



10: มันคงเป็นงานที่ลำบากมากที่คุณต้องมาทำงานคัมแบคในนามของบิกแบง
ทันทีที่คุณจบกิจกรรมการโปรโมทในงานยูนิตพิเศษ GDTOP นะค่ะ

GD: กิจกรรมการโปรโมทในอัลบั้มยูนิตพิเศษไม่ได้ลำบากอะไรเลยครับ
เพราะไม่ว่าจะเป็นตัวเพลงหรือการแสดงบนเวที เราทำทุกอย่างเหมือนว่าเรากำลังเล่นสนุกครับ
ดังนั้นนอกจากเรื่องที่เราไม่ค่อยได้มีเวลานอนในบางครั้ง นอกนั้นเราก็ไม่ได้มีช่วงเวลาที่ลำบากเลยครับ
แต่กับการคัมแบคของบิกแบงในครั้งนี้ หลังจากที่เราห่างหายไปกว่า 2ปี 3 เดือน
แถมสมาชิกแต่ละคนต่างก็ได้ออกไปลองทำงานในเส้นทางที่แตกต่างกันไป
ดังนั้นผมจะคิดมากๆเลยละครับว่าทุกคนจะเป็นยังไงบ้างเมื่อเราทั้งห้าคนกลับมาทำงานร่วมกันอีกครั้ง


10: จริงเหรอค่ะ(หัวเราะ)คุณเนี่ยนะ?
GD: ผมเคยที่จะแยกตัวออกมาทำงานคนเดียวครับในอดีต
และจะคอยสั่งให้คนอื่นๆทำในสิ่งที่พวกเค้าต้องทำ แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนไปเยอะเลยฮะ
เพราะสมาชิกในวงของพวกเราเป็นคนที่น่าทึ่งมากในสายตาของผม
มันเลยเหมือนกับว่า เราทำงานร่วมกันในฐานะที่เราเป็นดาราแข่งกับดาราด้วยกันเอง
หรือ เราต่างก็เป็นแฟนเพลงกับแฟนเพลงด้วยกันเองด้วย
นอกเหนือจากสิ่งอื่นใดพวกเค้าล้วนเป็น รุ่นน้องและเพื่อนของผมทั้งนั้น
และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมรู้สึกว่ามันทั้งตื่นเต้นและยากเหมือนกันในการทำงานร่วมกับพวกเค้า 


10: แต่เพลง TONIGHTเป็นทางเลือกที่เราคาดไม่ถึงเลยนะค่ะ
ที่กลุ่มไอดอลหลักอย่างวงบิกแบงจะเลือกเอาเพลงนี้มาใช้เป็นเพลงหลักในการโปรโมท
หลังจากที่หายไปจากวงการนานมากเพราะเพลงนี้เต็มไปด้วยอารมณ์เพลง
ที่ค่อนข้างแตกต่างไปจากสิ่งที่เรารู้สึกได้จากเพลงในทุกวันนี้
ฉันรู้สึกว่ามันคล้ายกับเพลงป็อปในต่างประเทศในเรื่องของความรู้สึกนะค่ะไม่ได้พูดถึงประเภทของเพลง


GD: ผมได้รับความมั่นใจมากขึ้นในตอนที่ผมทำงานในยูนิตพิเศษ GDTOP ครับ
เพราะคนชอบเพลง HighHigh และก็ชอบเพลง Knock out ด้วย
และตอนที่เราไป อเมริกาเราเจอผู้หญิงผิวดำกำลังฟังเพลง knock out ในรถของเธอ
ผมรู้สึกแปลกๆนะครับแต่ตอนนี้สิ่งที่ผมคิดก็คือว่า มันเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้จริงๆ
ผมคิดว่าในยุคของเรานี้กำลังก้าวไปสู่ยุคสมัยที่ความรู้สึกสามารถส่งผ่านให้รู้สึกกันได้
ในระดับโลกไม่ได้จำกัดแค่ในระดับประเทศเท่านั้น
ซึ่งสิ่งที่คล้ายๆกันนี้กำลังเกิดขึ้นกับเรา ตัวเราอาจจะอาศัยอยู่ในประเทศเกาหลี
แต่เรามีอินเตอร์เนทดังนั้นเราสามารถที่จะฟังเพลงที่มาจากทุกมุมในโลกได้ เหมือนกับเรื่องของแฟชั่นก้ด้วยครับ


10: ฉันคิดว่าในเพลง tonight หลังจากที่คุณส่งเพลงให้สู่จุดสูงสุด
แล้วจากนั้นคุณเลือกใช้เสียงกีตาร์โปร่งตัดเข้ามาแทนที่ มันให้ความรู้สึกเหมือนกับเพลง ป็อปมากๆ
คุณมีความกังวลบ้างไม๊ว่าสไตล์แบบนี้อาจจะไม่เป็นที่ชื่นชอบของผู้ฟังชาวเกาหลี??


GD: ผมเลยพยายามทำให้มันมั่นใจมากขึ้นแทนครับ
โดยการที่จะไม่มีท่อนไหนในเพลงนี้ที่น่าเบื่อเลยและมันจะต้องเร้าใจได้ตลอด
ผมไม่ต้องการให้ช่วงไหนของเพลงนี้ผ่านไปอย่างสงบๆ
เพลง lie เป็นเพลงที่มีท่อนเริ่มแบบสงบจากนั้นก็จะให้ความเร้าใจจนถึงขีดสุด
แต่ผมทำเพลง tonight ออกมาให้ท่อนร้องของทุกคนมีความเร้าใจทั้งหมด
และผมทำมันภายใต้การตัดสินใจว่าจะต้องดึงอารมณ์จากจุดต่ำสุดให้ขึ้นสู่จุดสูงสุดให้ได้
ภายในเวลา 3 นาทีกับอีก 30 วินาทีนี้
จริงๆผมค่อนข้างกังวลมากๆว่าเพลงนี้จะต้องแสดงออกมาบนเวทีในรูปแบบไหนด้วยนะครับ (หัวเราะ)


 
10: ดูเหมือนว่าเวลาที่คุณเขียนเพลงคุณจะคิดถึงภาพรวม โครงสร้าง
และมุมมองต่างๆให้กับเพลงไปด้วยเลยไม๊ค่ะ??


GD: ใช่ฮะ ผมเชื่อว่าการโปรดิวเพลงไม่ใช่แค่การเขียนเพลงขึ้นมาเท่านั้น
แต่มันยังหมายความถึงการออกแบบท่าเต้น การจัดเวที และจัดแสงด้วย เช่น
ในครั้งนี้ ผมทำเพลงในอัลบั้มนี้ขึ้นมาหลังจากที่คิดว่าแต่ละคนจะสามารถร้องในท่อนของตัวเองออกมาแบบไหน
ดังนั้น มันเลยเป็นเรื่องง่ายขึ้นสำหรับพวกเค้าที่จะทำตามครับ


10: นั่นแสดงให้เราเห็นถึงโครงสร้างที่เป็นเรื่องราวของเพลงนี้
แต่อารมณ์โดยรวมของเพลงนี้ มันบรรยายถึงสิ่งที่ค่อนข้างสงบและสามัญ
คุณอธิบายให้สมาชิกในวงแต่ละคนยังไงถึงสิ่งที่พวกเค้าจะต้องถ่ายทอดออกมาในเพลงค่ะ??


GD: อืม ก่อนอื่นเลยผมรู้สึกขอบคุณพวกเค้ามากๆเลย
ที่เห็นด้วยกับแนวทางที่ผมได้อธิบายต่อพวกเค้าไปเกี่ยวกับเพลงเพลงนี้
พวกเค้ายอมรับในหลายสิ่งหลายอย่างที่ผมต้องการจะทำ
มีหลายทีเหมือนกันที่ผมไม่ยอมอ่อนข้อให้เลย เมื่อพวกเค้าไม่ได้ทำตามที่ผมต้องการ(หัวเราะ)
และทุกคนตามปกติแล้วก็มีอิสระค่อนข้างมากในเรื่องของการบันทึกเสียง
แต่ผมก็เปลี่ยนแปลงหลายสิ่งหลายอย่างมากมายและต่อเนื่องเลยกับเพลง tonight
เพราะมันมีบางสิ่งที่ผมอยากจะทำออกมาโดยเฉพาะครับ



10: แล้วคุณกำกับในเรื่องของเสียงร้องยังไงค่ะ??
ฉันคิดว่าการได้เปลี่ยนความคิดเห็นไปในแต่ละท่อนของการเปลี่ยนเสียงร้องนั้นเป็นเรื่องสำคัญนะค่ะ
เพราะอารมณ์ความรู้สึกในเพลงนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ??


GD: จริงๆมันเป็นมุขนะครับ
แต่ผมอยากจะบอกว่าเราควรจะร้องเพลงออกไปให้เหมือนกับว่าเราเป็นผู้มีประสบการณ์มาก (หัวเราะ)
เมื่อคุณเอาเรื่องของประสบการณ์ของเราไปคิดไตร่ตรองดู มันคงจะเป็นความผิดของเราเต็มๆ
ถ้าเราทำงานของเรา หรือการแสดงบนเวทีของเรา เหมือนกับพวกมือสมัครเล่น
และจริงๆแล้วผมบอกสมาชิกในวงว่า อย่าพยายามทำจนเกินไป
ผมบอกพวกเค้าว่า ผมเชื่อว่าการที่เราได้รับความโด่งดังในทุกวันนี้
เป็นเพราะเรามีสไตล์ของเรา เราทำเพลงในแบบของเราและเราส่งมอบอารมณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ออกไป
ไม่ใช่ว่าเราเป็นนักร้องที่เก่งที่สุด เต้นเก่งที่สุดในเกาหลี

นอกจากนี้ผมยังบอกทุกคนว่าเราควรที่จะทำเพลงออกมาให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ร้องและฟังเพลงล่วงหน้าเยอะๆ เพราะทุกคนต่างก็มักจะยุ่งมากๆกับงานเดี่ยวของตัวเองเสมอ
เราอยู่ในสมัยที่คนจะมองว่านักร้องคนนี้เก่ง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเค้าสามารถขึ้นเสียงสูงได้มากแค่ไหนอีกต่อไปแล้ว
ผมคิดว่าการที่เราสนุกไปกับมันนั่นแหละคือเรื่องที่สำคัญ
และนั่นเป็นเหตุผลที่ว่า คนที่ทำหน้าที่ร้องนำก็จะมีช่วงเวลาที่ลำบากหน่อยในการร้องเพลงนี้
เพราะเราใส่ความเปลี่ยนแปลงมากมายลงไปในเพลงโดยการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
และรับเอามามากด้วยเช่นกันครับ
 



10: งั้น อะไรที่คุณให้ความสำคัญพอๆกับเสียงร้องค่ะ??
เรื่องของการมิกซ์เสียง เรื่องของความเป็นเอกลักษณ์
หรือเรื่องของอารมณ์ที่จะสามารถรู้สึกได้ผ่านอัลบั้มนี้
อะไรที่คุณมุ่งความสนใจลงไปมากที่สุดในตอนที่ทำการผสมผสานทุกอย่างลงไปค่ะ??


GD: เราต้องการให้เสียงที่ได้ออกมามีอารมณ์เหมือนกับเพลงป็อปครับ
ดังนั้นผมจึงสร้างเสียงที่หนักแน่นแต่ให้ความชัดเจนมากๆออกมาโดยเฉพาะในเพลง tonight
แต่ในขณะเดียวกันผมก้พยายามที่จะทำให้เสียงมันฟังดูขะมุกขะมัว ในเพลง what is right
แต่เหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด เสียงร้องของสมาชิกในวงทั้ง 5 คนจะต้องถูกบรรจุไว้ในอัลบั้มนี้ได้อย่างลงตัว
ดังนั้นผมจึงใส่ใจในเรื่องนี้มากที่สุดครับ



10: มันเลยเกิดความเป็นเอกลักษณ์ตรง
วิธีที่คุณทิ้งร่องรอยช่องว่างเอาไว้ได้อย่างเหมาะสมในเสียงแต่ละเสียงให้มันได้เชื่อมโยงกัน
ไม่ใช่การเติมเต็มเพลงเพลงนึงด้วยการ จับเอาเสียงต่างๆใส่ลง


GD: ผมเชื่อว่าเสียงทุกเสียงต้องการจังหวะของตัวเอง ครับ
และนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผมถึงคำนึงถึงเรื่องของจังหวะมาก
และพยายามให้มันยังคงอยู่แม้ว่ามันจะเป็นช่องว่างเล็กๆ
ด้วยการนำเอาแอฟเฟ๊กที่หลายหลายมาใส่ เช่น การหายใจ
หรือ การดึงจังหวะให้ช้าลง หรือการทำเสียงสะท้อน เป็นต้นครับ


10: แต่อารมณ์โดยรวมและความอ่อนโยนของเสียง
ในเพลง Hands up และเพลง somebody to love ที่คุณใช้โปรโมทที่ญี่ปุ่นมาก่อน
ดูจะโดดเด่นขึ้นมาจากเพลงอื่นนิดนึงนะค่ะ ??


GD: ก็จริงอยู่ครับ แต่ทั้งสองเพลงมันมีคุณค่าทางจริงใจต่อพวกเรานะครับ
เรามีช่วงเวลาที่สนุกที่สุดบนเวทีเมื่อเราร้องเพลง Hands up
และผมเห็นคุณค่าของเพลง somebody to love มาก
โดยที่ผมหวังเสมอว่าเราจะมีโอกาสได้ไปโปรโมทเพลงนี้ในเวอร์ชั่นที่สละสลวยขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่นด้วยฮะ
และนั่นจึงเป็นสาเหตุให้ครั้งนี้ผมเปลี่ยนทุกอย่างในเพลงเท่าที่ผมต้องการและผมพอใจกับมันมากทีเดียว
เราต้องการให้ชาวเกาหลีได้ฟังเพลงนี้ด้วยเพราะคนที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเราได้ไปทำงานที่ญี่ปุ่น
คงไม่เคยรู้ว่ามีเพลงนี้อยู่ด้วยเช่นกัน



10: ฉันคิดว่าจาก เพลง Lie จนถึงสองเพลงที่คุณทำที่ญี่ปุ่นจนมาถึง tonight
แสดงออกถึงความเปลี่ยนแปลงที่บิกแบงได้ผ่านกันมา
สไตล์ของพวกคุณไม่ก็จุดมุ่งหมายในเพลงของพวกคณได้เปลี่ยนแปลงนิดๆในทุกๆครั้ง
แม้ว่าคุณจะใช้เสียงในแบบเดิมก็ตาม สาเหตุที่ทำให้เป็นแบบนี้เกี่ยวกับเรื่องราวที่ผ่านมาใน 2 ปีนี้ไม๊ค่ะ?? 


GD: ผมคิดว่ามันเกี่ยวกับอารมณ์ที่ผมรู้สึก จากนั้นก็เกี่ยวกับสิ่งที่ผมรู้สึกในกระบวนการที่กำลังจะโตเป็นผู้ใหญ่
รวมถึงอารมณ์ที่ผมรู้สึกในตอนนี้ด้วยครับ
ผมไม่ได้บอกว่าผมเป็นผู้ใหญ่ขึ้นแล้วในตอนนี้แต่ผมคิดว่า
เป็นเพราะผมได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นของผมกับผู้คนมากหน้าหลายตาขึ้น
และผมก้ได้รับฟังสิ่งที่พวกเค้าพูดมากขึ้น เมื่อเทียบกับเมื่อก่อน
ที่ผมมักจะมองโลกและมองผู้คนที่อยู่ในโลกนั้นในแบบเด็กๆ
ในกระบวนการนั้น ผมได้จัดระเบียบความคิดและเขียนสิ่งที่ผมเพิ่งจะตระหนักได้จากสิ่งที่ผมพูดคุยและฟัง ออกมา
ก่อนหน้านี้ผมมักจะเขียนถึงคำถามที่มีอยู่ในใจของตัวเอง แต่ตอนนี้ผมเขียนในสิ่งที่ผมได้ไปตระหนักรู้มา
ผมคิดว่า ผมเริ่มมั่นใจในตัวเองมากขึ้นครับ



10: แต่งานเดี่ยวของคุณและการรับบทเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับบิกแบงมันเป็นงานที่แตกต่างกันนะค่ะ
ก็เหมือนกับเพลงที่คุณต้องการอยากจะทำมันเป็นเพลงที่แตกต่างไปจากสิ่งที่สาธารณชนต้องการจะฟัง
การที่จะต้องเป็นโปรดิวเซอร์ ที่จำเป็นต้องนำเอาปัจจัยทุกอย่างนี้มาคิดไตร่ตรอง มันเป็นยังไงบ้างค่ะ??


GD: มันสนุกนะครับเมื่อมันเป็นเรื่องของเสียงเพลง
แต่ว่ามันก็มีความยากลำบากมากมายที่ผมต้องเผชิญกับมันด้วย (หัวเราะ)
ผมมั่นใจว่าสมาชิกแต่ละคนในวงต่างก็กังวลในหลายๆสิ่งเหมือนกัน เพราะเราไม่ได้คัมแบคกันมานาน
แต่พวกเราต่างก็ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และต่างก็สนับสนุนกัน ดังนั้น มันจึงออกมาดีครับ
นอกจากนี้เรามีเวลาในการพูดคุยกันมากขึ้น ในเรื่องที่จริงจังต่างๆก็ด้วย
นั่นเป็นเพราะว่าเดี๋ยวนี้เรามักจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น
ผมคงจะต้องโกหกแหละครับถ้าพูดว่ามันไม่กังวลเลย ซึ่งเราทุกคนก้ทำงานกันอย่างหนักและกระตือรือร้นกันมากครับ


10: งั้น การแข่งขันได้เริ่มต้นขึ้นแล้วนะค่ะ (หัวเราะ)
คุณอยากให้งานของคุณออกมาเป็นแบบไหนค่ะ??


GD: ทุกคนต่างก็พูดว่าเราหยุดพักผ่อนกันมา ถึงแม้ว่าเราต่างก็มีงานเดี่ยวออกมา
ดังนั้นเราทุกคนต่างก็ทำงานกันอย่างหนักเท่าที่จะทำได้
เวลาผ่านมากว่า 2 ปี3 เดือนแล้ว ผมมั่นใจว่าเราทั้ง 5 คนคงได้รวมตัวกันบ่อยขึ้นในตอนนี้
เราต้องการที่จะแสดงออกถึงความเป็นวงของเราให้กับผู้คนมากที่สุดเท่าที่เราจะสามารถทำได้
ดังนั้นเราจึงกลับมาในครั้งนี้ ผมคิดว่าบางทีอาจจะมีอะไรบางอย่างที่ผู้คนต้องการ อยากจะเห็นจากเรา
ผมคิดว่างานของเราในฐานะบิกแบงนั้นอยู่ในระดับที่แตกต่างไปจากงานเดี่ยวหรืองานในยูนิตพิเศษ นะครับ
ผมเชื่อว่าบิกแบงเป็นวงที่จะดึงดูดผู้คนได้มากกว่า ดังนั้นเราจำเป็นจะต้องอยู่ในที่ที่ผู้คนต้องการจะเห็นเรา
จุดมุ่งหมายของเราคือ เราต้องการเป็นจุดศูนย์รวมแห่งความสนใจ ไม่ใช่สร้างเรื่องเพื่อดึงคนมาสนใจ
และทำให้ทุกคนต้องพูดถึงเราในทุกๆที่ที่เราไป ซึ่งเราก็จำเป็นต้องพยายามอย่างเต็มที่ตั้งแต่เริ่มต้นนะครับ (หัวเราะ)


senior reporter Kand Myoung suk
Editor Jessica Kim
Thai Translation by undercover @ VIPP @ Choitopthailand

0 comments:

แสดงความคิดเห็น