Flag Counter

free counters

วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2554

[Trans] ชีวิตอันโดดเดี่ยวของ Teddy ในอเมริกา

ผู้แปล = Tama
แก้ไขโดย = Josh


ตอนนั้นมีแค่ผมกับซึงวอนที่เป็นคนเกาหลีในโรงเรียน นอกนั้นมีเด็กผิวสีบางคน ในนิวยอร์กหาโรงเรียนทำเลแบบนี้ยากผมเลยเลือกจะเข้าที่นี่ พอมาคิดอีกทีโรงเรียนนั้นช่างเต็มไปด้วยความโหดร้าย รังเกียจเอเซียและการเหยียดผิว ผมเพิ่งมาอยู่ที่อเมริกา ภาษาอังกฤษผมแย่มาก ผมเลยมีแค่ซึงวอนเป็นเพื่อนคนเดียว ไม่มีใครมาเล่นด้วยและไม่มีอะไรทำ ผมเลยเบื่อและเหงา เวลาปิดเทอมผมมักขังตัวเองในบ้านและฟังเพลง ถ้าตอนนี้เปิดเพลงสมัยที่ผมฟังตอนนั้น ผมมักจะหลอนได้ยินเสียงแม่ผมตะโกน 'ปิดเพลงนั่นซะ!'

ผมคิดถึงโซล ผมอยากไปเจอเพื่อนที่โซล ถึงผมจะชอบเล่นแต่ผมก็ไม่ทิ้งเรื่องเรียนด้วย แต่ที่นิวยอร์กผมไม่มีใครเล่นด้วย ผมเลยไม่ใส่ใจการเรียน แน่นอนว่าทุกคนไม่พอใจที่ผมทำตัวแบบนี้ ผมโกรธที่ทำอะไรให้ซึงวอนไม่ได้และผมก็โดนแกล้งที่โรงเรียนประจำ แม้แต่ครูก็ไม่ใส่ใจผมด้วย ผมเริ่มไม่ค่อยพูด สุขภาพผมแย่ลง เวลาพ่อผมเห็นผมเป็นอย่างนั้นท่านมักจะเศร้าเสมอ

จนวันหนึ่งก็เกิดเรื่องขึ้น วันที่ผมก่อเรื่อง ตอนนั้นเป็นวิชาพละและผมก็ถูกสั่งให้ไปเอาอุปกรณ์คนเดียว ผมแบกทุกอย่างโดยไม่ได้พูดบ่นอะไร พอเราเล่นบาสเก็ตบอลเสร็จ ผมก็ถูกสั่งอีกให้ไปเก็บอุปกรณ์ จากนั้นครูก็สั่งผมให้ไปเอาจักรยาน ผมก็ไปแบกมาอย่างขลุกๆขลั่กๆ ตอนที่ผมแบกผมได้ยินเสียงคนบ่นอย่างไม่พอใจข้างหลังผม ตอนนั้นถึงผมจะไม่เข้าใจภาษาอังกฤษเท่าไหร่แต่ผมหมดความอดกลั้นแล้ว แทนที่จะเดินไปที่ล๊อกเกอร์รูม ผมหันหลังและวิ่งใส่คนนั้น เด็กคนนั้นดูตกใจมากจนไม่ขยับหนี เค้าเลยโดนผมชก จากนั้นเค้าก็ล้มลงแต่ผมยังไม่หยุดชก

เด็กคนนั้นเป็นเด็กป๊อปที่สุดในโรงเรียน เค้าเป็นนักกีฬา รูปหล่อและเป็นที่ชื่นชอบของนักเรียนสาว สติผมหลุดไปสามนาทีระหว่างที่ชกเค้า พอสติกลับมาผมเริ่มเสียใจที่ไปทำร้ายเค้า คุณครูมารวบตัวผมแต่ผมสะบัดหนีและเดินกลับไปที่ล๊อกเกอร์รูม เด็กที่มามุงก็แตกรัง เด็กผู้หญิงบางคนเหล่ผมด้วยสายตาประมาณว่า 'ชั้นเกลียดนาย' ทุกคนมองผมราวกับเป็นสัตว์ประหลาด

แน่นอนว่าผมโดนพักการเรียน แต่ผมไม่ได้แคร์นัก ที่ผมรู้สึกกังวลมากและผมรู้สึกแย่มากก็ตอนเห็นคุณแม่เสียใจมากกว่า ระบบการศึกษาของอเมริกาจะให้เด็กออกไปพรีเซนต์หน้าห้อง ทุกคนหัวเราะเยาะผมตอนออกไปพรีเซนต์ ผมรู้สึกเกลียดการไปโรงเรียนมาก

ผมโดนย้ายไปอยู่อีกโรงเรียน ที่นั่นก็ไม่แตกต่างกันนัก ผมเชื่อว่าเป็นเพราะมีคนได้ยินข่าวลือเรื่องผมเลยไม่มีใครมาสุงสิงด้วย

เวลา ช่วงมัธยมต้นผ่านไปอย่างยากลำบาก ผมย้ายโรงเรียนอีกเมื่อขึ้นมัธยมปลาย โรงเรียนริชวู้ดมีเด็กเกาหลีมากมาย ผมรู้สึกโชคดีที่ได้เจอพวกเค้า ผมมีเพื่อนเกาหลี ลาติน และเพื่อนผิวดำ ชีวิตตอนนั้นต่างกับมัธยมต้นมาก ผมมีเพื่อนที่เป็นรุ่นพี่หลายคนและเรามักจะไปเที่ยวด้วยกันเสมอ ผมเข้ากับเด็กผิวดำที่นี่ด้วย วันคืนที่มีความสุขทำให้ผมพยายามจะลืมความทรงจำที่ไม่ดีสมัยมัธยมต้น บางครั้งผมก็คิดย้อนไปว่าทำไมผมถึงทำอย่างนั้น แต่ก็นั่นแหละ ตอนนั้นผมมีปัญหาจริงๆ ผมสร้างปัญหาให้แม่มากมาย แต่พอแม่เห็นผมมีความสุขกับการไปโรงเรียน ท่านก็ดีใจ

พอขึ้นปีสองเราก็ต้องย้ายไปลอสแองเจลิส พ่อผมออกจากงานเพื่อเปิดบริษัทของตัวเอง ผมตื่นเต้นที่จะได้ไปนะเพราะที่นั่นมีเด็กเกาหลีตั้ง 80% แน่ะ เด็กที่นิวยอร์กกับลอสแองเจลิสก็ไม่เหมือนกันด้วย พวกเค้ามักไว้ผมสั้นและหน้าตาดีกว่า พอผมปรากฏตัวด้วยสไตล์ฮิปฮอปแบบคนดำนิวยอร์กเค้ามองผมอย่างกับเอเลี่ยนเลย

เจสันเพื่อนจากฟิลิปปินส์เป็นเพื่อนคนแรก อย่างที่ผมคิดไว้เค้าชอบฮิปฮอปเหมือนกัน เค้ามาที่บ้านตอนพักเที่ยงแล้วเราก็คุยกันเรื่องฮิปฮอปและเพลง เค้าเต้นให้ผมดู ผมก็เต้นโชว์เค้าด้วย เจสันกับผมคุยเรื่องทุกเรื่องด้วยกัน เค้ามีเพื่อนชาวเกาหลีมากมายและก็แนะนำให้ผมรู้จัก พวกเรานัดกันไปเที่ยว นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมเจอแดนนี่ เค้ายืนอยู่ตรงกลาง หน้าบึ้งๆและกอดอก เค้าดูเหมือนหัวหน้าแก๊งมากเลยแถมยังใช้ให้รุ่นน้องไปซื้อข้าวอีก ถึงเค้าจะให้เงินรุ่นน้องไปด้วยก็เถอะ แต่เค้าก็ดูขี้เบ่งมากเลย

คำแรกที่แดนนี่พูดกับผมคือ "เอาหมวกมาให้ลองมั่งซิ"

ตอนนั้นผมใส่หมวกเท่ๆแปลกๆไปเค้าก็เลยขอลอง จากนั้นมาเราก็เจอหน้ากันทุกวัน ไปเที่ยวด้วยกัน ฟังเพลง เต้น และร้องเพลงด้วยกันตลอด

แดนนี่รู้เรื่องเกี่ยวกับดนตรีมากมาย เค้าชี้ให้ผมดูที่ร้านเช่าวิดีโอ มีมิวสิกวิดีโอเพลงเกาหลีที่ดังที่สุดขณะนั้น ผมไปเช่ามาดูและตั้งใจว่าจะกลับไปทำเพลงที่เกาหลีให้เร็วที่สุด

ตอนนั้นผมสนิทกับรุ่นพี่ยูซึงจุนที่โรงเรียนในลอสแองเจลิส เราคุยกันเรื่องดนตรี เค้าเป็นคนที่ตั้งใจมาก อยู่เพื่อดนตรีเท่านั้น แต่เค้าก็มีกิจวัตรประจำวันแบบปกติ ออกกำลังและกินอาหารดีๆ ไปโบสถ์ทุกครั้ง เค้าเป็นคนที่มีความพยายามมากและผมก็เรียนรู้หลายอย่างจากเค้า

และพอคนที่ผมรู้จักกลายเป็นนักร้องเกาหลีที่มีชื่อเสียง ผมกับแดนนี่อิจฉาเค้ามาก ความคิดที่อยากกลับเกาหลีเป็นนักร้องเพิ่มมากขึ้น อเมริกากับเกาหลีนั้นอยู่ไกลกันมาก ดังนั้นถึงแม่ว่าเราอยากเป็นนักร้องมากขนาดไหน แต่แค่คิดว่าเกาหลีอยู่อีกฟากโลกแล้วทำให้เราท้อเหมือนกัน

วันหนึ่งผมกับแดนนี่ไปเช่าวิดีโอเพลงมาเหมือนเคย เราเจอมิวสิกวิดีโอของ JinuSean หัวใจเราแทบจะหยุดเต้นเลยฮะ มันเป็นของนักร้องเกาหลีและแถมเป็นแนวเพลงที่เราอยากทำด้วย ผมเศร้ามากเลยที่ไม่ได้ไปเกาหลีให้เร็วกว่านี้และเป็นคนแรกที่ทำเพลงฮิปฮอป ผมอยากเป็นคนแรก ตอนนี้ดูพวกเราสิ เราอยู่บริษัทเดียวกับ JinuSean แล้ว โชคชะตาช่างเป็นเรื่องน่าขันจริงๆ

ตอนนั้นเราติดต่อกับนักแต่งเพลงคนหนึ่ง บางครั้งเราก็แต่งเพลงด้วยกัน เค้าแวะมาหาแล้วเราก็เอาเทปเดโมของเพลงเราให้เค้าฟัง แล้วเราก็นั่งเล่นกัน จู่ๆก็มีโทรศัพท์มา เรามารู้ทีหลังว่านั่นคือยางฮยอนซอก เค้ารับโทรศัพท์แล้วคุยกัน ท่านยางถามว่าเพลงที่เปิดฟังกันอยู่นั่นเพลงอะไร พอพี่เค้าบอกว่าเป็นฝีมือพวกเรา เค้าก็นัดเจอเราเลย

ยางฮยอนซอกมีแพลนจะบินมาอเมริกาอยู่แล้วเลยนัดเจอพวกเรา เค้ากำชับว่าห้ามบอกใครเด็ดขาดว่าเรามาเจอเค้า พวกเรางี้ตื่นเต้นกันมาก เค้ามาที่ห้องเร็วมาก แล้วการออดิชั่นของพวกเราก็เริ่มขึ้นภายในห้องโรงแรมของเค้า

หลังจากนั้นไม่ถึงเดือนเราก็เตรียมตัวย้ายกลับไปเกาหลี และจากวันนั้นถึงวันนี้ผมก็ได้มาอยู่ที่นี่ ในขณะนี้ที่ผมพูดถึงชีวิตเรื่องราวของผม ผมนึกถึงคุณแม่ ท่านต้องเป็นห่วงอย่างมากที่จู่ๆลูกที่ท่านดูแลมาต้องไปอยู่ที่ไกลแสนไกล อย่างเกาหลี ผมสัญญาว่าเมื่อผมไปที่เกาหลีผมจะทำให้ดีที่สุด ตอนนี้ผมก็ได้เวลาทำความฝันและคำสัญญานั้นให้เป็นจริงแล้ว


Take out with full credit
Source@YG Bounce
Korean to Japanese: Jinhye
Japanese to English: YG Bounce team
(Extra thanks to Momo from Milkcho for helping us out with a few Japanese grammar points)
English to Thai: Icys.exteen

0 comments:

แสดงความคิดเห็น