Flag Counter

free counters

วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2554

[Trans] สัมภาษณ์ จีดราก้อนจากนิตยสาร GQ Korea ฉบับเดือนเมษายน 2011




Part 1

GQ: ตอนนี้เลยเวลาตีสองมาแล้วนะค่ะ
GD: สำหรับผม ตอนนี้เป็นเวลากลางวันครับ เพราะปกติผมจะนอนยาวไปตื่นตอน 4 ทุ่ม
ดังนั้นเวลานี้เป็นเวลาดีในการทำงานสำหรับผมเลยละครับ


GQ: ฉันคิดว่าประสบการณ์ในการทำงานของคุณคงแตกต่างไปจากที่พวกเราประสบกันนะค่ะ
เพราะคุณไม่ได้ตื่นมาทำงานเมื่อพระอาทิตย์ส่องแสงสดใส แต่การที่ตื่นนอนตอน 4 ทุ่มขึ้นมาเพื่อที่จะทำงาน
คุณคงไม่ได้ มองออกนอกหน้าต่างแล้ว นึกว่า "อ่า เมื่อคืนหลับสบายจัง" แล้วออกไปทำงานเหมือนกับเราๆ


GD: ผมเหมือนกับจะมีประสบการณ์ที่แตกต่างไปในสายตาของคนอื่นนะครับ
ผมก็อยากที่จะใช้ชีวิตตามสภาพอากาศที่เปลี่ยนไปในแต่ละวันเหมือนกัน
แต่เป็นเพราะผมมักจะต้องตื่นนอนตอนกลางดึกดังนั้นผมถึงไม่ค่อยได้สัมผัสการใช้ชีวิตแบบนั้นเท่าไหร่
เรียกได้ว่าทุกวันนี้พอผมตื่นขึ้นมาปุ๊บผมก็ต้องมุ่งหน้ากลับไปที่สตูดิโอ ไม่ว่ามันจะเป็นตอนกลางคืนหรือตอนกลางวัน
แสงแดดไม่ได้มีอิทธิพลอะไรเลยครับ ดังนั้นผมรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองได้ใช้ชีวิตผสมปนเป
สวนทางกับเวลาที่ควรจะเป็นทั้งในเวลากลางวันและกลางคืนครับ


GQ: ดูเหมือนคุณจะไม่เดือดร้อนอะไรในเรื่องนี้นะค่ะ
GD: ผมคิดว่ามันค่อนข้างที่จะเหมาะสมกับผมนะครับ

GQ: ตอนนี้ มินิอัลบั้มชุด 4 ก็ออกมาแล้วนะค่ะ และเพลง tonight ก็ดังมาก คุณรู้สึกตื่นเต้นกับมันไม๊??
GD: พูดตามตรงนะครับ ผมคิดว่าถึงแม้ว่าการแสดงบนเวทีเพลงนี้
จะเป็นอะไรที่โหดมากสำหรับเราในตอนที่เพลงเพิ่งออกใหม่ๆ
แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่าก็คือเราต้องรักษาให้งานได้ระดับที่ดีเหมือนที่เคยเป็นมา
ในตอนเริ่มแรกเลย ผู้คนให้ความสนใจกับการคัมแบคของพวกเราเพราะเรา มีคำว่า "บิกแบง"ติดตัวอยู่
ชื่อที่คนไม่สามารถจะเพิกเฉยต่อมันได้ ผมหวังว่าเมื่อเวลาผ่านไป ความรักที่ทุกคนมีให้เราจะยิ่งเติบโตขึ้น
และผมจะสามารถได้ยินผู้คนพูดถึงเราในทุกทุกที่ ตอนนี้ผลตอบรับที่ได้มาดีมากเลยครับ


GQ: แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะค่ะ คุณคิดไม๊ว่าแค่การได้รับคำชมนั้นมันยังไม่พอ??
มีคำกล่าวว่า "การได้รับคำวิจารณ์ดีกว่าคำชมเป็นร้อยเท่า"นะค่ะ


GD: เราเป็นวงที่มักจะได้รับคำวิจารณ์มาตั้งแต่แรกอยู่แล้วครับ
ผม ตัวผมเอง เป็นนักดนตรีที่มักจะตกเป็นเป้าของการวิจารณ์อยู่แล้ว
ดังนั้นแม้ว่าผมจะได้รับคำชมแค่คำเดียวผมก็รู้สึกขอบคุณแล้วละครับ
ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คนพูดถึง วายจี บิกแบง หรือ จีดราก้อน พวกเค้ามักจะยึดติดอยู่กับอคติต่างๆ
ผมคิดจริงๆว่า ผมต้องการคำชมมากจริงๆๆในช่วงเวลานี้


GQ: มันคงเหมือนกับว่า "ฉันก็แค่อยากจะทำในสิ่งที่ฉันอยากจะทำเท่านั้นเอง"
และสิ่งที่คุณต้องการที่จะทำมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับผลตอบรับที่คุณคาดว่าจะได้รับใช่ไม๊ค่ะ??


GD: ครับ ถูกต้องที่สุดครับ ส่วนตัวแล้วผมไม่ได้ใส่ใจว่าใครจะพูดยังไงเกี่ยวกับผม
ถ้าผลตอบรับต่างๆที่ผมได้รับมีผลกระทบต่อผมได้ง่ายๆ เราคงไม่สามารถที่จะยึดมั่นอยู่กับตัวตนที่แท้จริงของเราได้
ซึ่งนิสัยนี้มันยังใช้ได้กับเรื่องของแฟชั่นด้วย แม้ว่าผมจะสวมใส่อะไรที่มันดูน่าตลก
แต่ผมก็แค่อยากจะแสดงออกถึงตัวตนของตัวเองออกมาก็เท่านั้น
ผมเชื่อว่าผู้คนมักจะดำเนินรอยตามสิ่งที่พวกเค้าเชื่อ เพราะตัวผมเองก็เป็นแบบนั้น
ดังนั้นผมจะไม่เปลี่ยนแปลงไปหรอกครับ


GQ: ดูเหมือนเรื่องของแฟชั่นคุณจะสามารถเอาชนะซึงรีได้นะค่ะ
ตอนนี้คุณได้สวมกระโปรงในช่วงที่โปรโมทเพลงในอัลบั้มใหม่
คอนเซ็ปที่อยู่เบื้องหลังการสวมกระโปรงคืออะไรค่ะ?? เพราะฉันไม่เห็นว่ามันจำเป็นจะต้องทำถึงขนาดนั้นเลย??


GD: ไม่ว่าจะเป็นตัวผมเองหรือสมาชิกในวงบิกแบง พวกเราต่างถูกจับตามองอย่างมากในเรื่องของแฟชั่นครับ
พูดตามตรงคือ ผมเครียดกับเรื่องนี้เหมือนกัน
เราได้ทำสิ่งที่เราอยากที่จะทำไปแล้วในโปรเจคยูนิตพิเศษ GD&TOP พอเรามาทำงานร่วมกันในฐานะวง อีกครั้ง
พอถึงจุดนึงมันก็เกิดความยากขึ้นไม่เหมือนกับตอนที่เราทำงานเดี่ยวเป็นเพราะ บิกแบง เป็นวงดนตรีในแบบป็อป
เราจะต้องรักษาความคิดที่ว่าเราต้องพยายามที่จะชักจูงขอบเขตในเรื่องของแฟชั่นของคนทั่วไปเอาไว้
คอนเซปของการโปรโมทในครั้งนี้คือการสวมกระโปรง แทนที่เราจะอธิบายความตั้งใจของเราออกมาทางคำพูด
ผมคิดว่ามันจะสามารถครอบคลุมกว่าถ้าเราสามารถที่จะแสดงออกผ่านทาง เครื่องแต่งกายของเรา เวที สไตล์
และการแสดงของเรา ให้มันมีความหมายเดียวกันในการที่จะส่งมอบเพลงของเราไปสู่คนฟังครับ


GQ: การทำงานในเพลง Tonight เป็นยังไงบ้างค่ะ??
GD: เราใช้เวลาในการทำเพลงนี้ กว่า 1ปีครึ่งครับ ดังนั้นเราจะเรียกเพลงนี้ว่า เป็นเพลงที่ไม่มีวันเก่า
มันเกิดขึ้นในวันนึงที่ผมอยู่ที่บ้านพี่คูซก่อนที่ผมจะกลับบ้าน จู่ๆเค้าก็เล่นเปียโนขึ้นมาให้ผมฟัง
แล้วบอกว่า "เพราะไม๊??" และนี่เป็นจุดกำเนิดจังหวะหลักในเพลง tonight ครับ
และภาพรวมกรอบต่างๆของเพลงก็เกิดขึ้นในคืนนั้นแหละครับ


GQ: งั้น มีอะไรเกิดขึ้นในช่วงหนึ่งปีครึ่งนั้นละค่ะ??
GD: ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้ฟังนี้ต่างก็พูดว่ามันสามารถที่จะเอามาเป็นเพลงที่ใช้ในการโปรโมทอัลบั้มใหม่ของเราได้เลย
แต่เราก็คิดกันอยู่ว่ามันจะดีกว่าไม๊??ถ้าจะใช้เพลงนี้เป็นเพลงโซโล่ของแทยัง
แทนที่จะเอามาเป็นเพลงโปรโมทของวง เราได้ทำการทดลองอะไรหลายอย่างกับเพลงนี้
แต่ยังไงๆก็ยังรู้สึกว่ามีอะไรขาดไปอยู่ดี ถึงแม้ว่าเดิมเลยเราจะคิดว่านี่แหละควรจะเป็นเพลงโปรโมทให้กับ บิกแบง
แต่เราก็คิดมากว่าเราจะปรับปรุงแก้ไขมันออกมาในแบบไหนดี และเราก็ล่าช้ากว่ากำหนดมามาก
และเพราะเพลงนี้เป็นเพลงที่ผมทำมันขึ้นมาเอง มันเลยเหมือนกับลูกของผมเลยละฮะ
ถึงแม้ว่าความรู้สึกของผมจะเหมือนกับว่า เพลงนี้เปรียบเป็นเด็กชายคนนึงที่ถูกเลือกให้เป็นหัวหน้าชั้น
แต่ต่อมาเค้าก็ถูกบังคับให้ออกจากตำแหน่งเพราะเค้าไม่ดีพอ และผมก็รู้สึกเสียใจในเรื่องนี้ด้วย
ในการทำงานที่หมุนซ้ำไปซ้ำมาแบบนี้ผมเริ่มที่จะรู้สึกเหนื่อยกับเพลงนี้ที่มันทรมานผมมานานเกินไปแล้ว
ผมมีความรู้สึกว่าไม่อยากฟังเพลงนี้อีกต่อไปแล้วละครับ ผมอยากจะยอมแพ้
แต่โชคดีที่ในที่สุดมันก็สามารถออกมาได้อย่างสำเร็จจนได้ฮะ


 
GQ: ตอนที่ฉันได้ฟังเพลง tonight เป็นครั้งแรก
ฉันคิดว่าคุณกำลังบรรยายถึงผู้ชายที่มีความสุขที่ได้เป็นผู้นำในชีวิตของเค้า ออกมา


GD: ครับ ผมต้องการที่จะอธิบายถึงชีวิตของชายที่ประสบความสำเร็จในชีวิตและวิธีที่เค้าเป็นผู้นำในเรื่องของสัมพันธภาพ
ผมต้องการที่จะแสดงออกให้คนอื่นเห็นว่าบิกแบงเป็นยังไงกันบ้างแล้วในตอนนี้
ผมต้องการที่จะอธิบายถึงความรู้สึกของชายคนนั้น เค้าต้องการจริงๆที่จะเข้าไปมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนึง
แต่เค้าไม่สามารถที่จะแบ่งปันความรักของเค้าให้กับคนเพียงคนเดียวได้
สถานการณ์นี้เป็นเหมือนเหตุการณ์ที่พวกเราบิกแบงกำลังเผชิญอยู่ คือ เราถูกรักโดยแฟนๆมากมายและจากผู้คนต่างๆ
เราไม่สามารถที่จะแบ่งปันความรักของเราให้กับผู้หญิงที่เรารักได้ แต่ในขณะเดียวกันเราก็ไม่อยากจะต้องเหงา
ซึ่งเราอยู่ในสภาวะที่ลำบากมาก เราร้องเพลงที่เกี่ยวกับวกับชายคนนึงที่พยายามจะตามหาผู้หญิงคนนึง
มันบรรยายถึงความรู้สึกของชายคนนึงที่เหงามากๆๆท่ามกลางเมืองที่สับสนวุ่นวาย


GQ: แล้วเสียงหอนของหมาป่าละค่ะ??
GD: เกี่ยวกับหมาป่า ผมคิดว่าการหอนเป็นสัญลักษณ์สื่อให้เห็นถึงความว่างเปล่า ที่ชายคนนั้นยังคงรู้สึก
ถึงแม้ว่าเค้าจะประสบความสำร็จในหลายๆด้านในชีวิตของเค้าก็ตาม


GQ: ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่ฉันนึกถึงบิกแบง ฉันก็จะต้องนึกถึงเพลง Lies
พูดง่ายๆก็คือ ฉันคิดว่าเพลงใหม่ของพวกคุณจำเป็นจะต้องล้ำหน้าไปกว่า เพลง Lies
คุณจำเป็นต้องกระโดดออกจากกรอบความคิดนั้นให้ได้
หากเราพูดว่า เพลง Lies เป็นเพลงที่เหมาะสมกับผู้ฟังกลุ่มใหญ่
เพราะมันเป็นเพลงที่ฟังแล้วสามารถปรับปลื่ยนอารมณ์เศร้าออกไปได้
งั้นเพลง tonight ก็น่าจะเป็นเพลงที่เราควรจะฟังและหันมาคิดถึงตัวของเราเอง
ดังนั้นฉันคิดว่า ความโด่งดังของเพลงนี้จะต้องเอาชนะ lies ได้และมันจะสามารถอยู่ต่อไปได้นานกว่า
และเข้าถึงคนได้มากกว่าด้วยนะค่ะ

GD: ขอบคุณสำหรับคำชมนะครับ

GQ: มันคงไม่ได้ก่อให้เกิดผลอะไรถ้าเราจะเชี่อมโยงเพลง Lies เข้ากับวง บิกแบง ใช่ไม๊ค่ะ??
GD: ครับ มันไม่ได้มีผลอะไร คุณจะใช้อะไรมาแทนตัวเราก็เป็นสิ่งที่คุณสามารถเลือกได้ตามใจครับ
ถ้าคุณจะจำกัดความเป็นบิกแบงอยู่ที่เพลงเพลงเดียว เราก็จะมีโอกาสมากขึ้น
ที่จะแสดงคุณให้เห็นถึงด้านที่แตกต่างออกไปของเราได้มากขึ้นครับ


GQ: คุณทำอะไรบ้างค่ะในช่วงที่หยุดพักไปกว่า 2ปีกับอีกสามเดือนนี้??
GD: ถึงแม้ว่าผมจะยังหนุ่มอยู่แต่ผมก็ได้ใช้ชีวิตมา 24 ปีแล้วนะครับ
ช่วงเวลาพักที่เราได้รับเป็นช่วงที่มีค่ามากๆในชีวิตของผมครับ
ทันทีที่เราอายุได้ 20 ปี ผมคิดว่านี่จะเป็นทางแยกสุดท้ายแล้วก่อนที่เราจะเข้าสู่การเป็นผู้ใหญ่
ผมได้ผ่านการดิ้นรนต่อสู้มากมายในหลายๆสิ่งสมัยที่ผมยังเป็นวัยรุ่น
แต่พอผมอายุ 20 ก็ดูเหมือนว่าผมจะเจอจุดมุ่งหมายและเส้นทางในการใช้ชีวิตครับ


GQ: คุณค้นพบทางเดินที่ถูกต้องในชีวิตแล้วเหรอค่ะ??
มันหายากมากนะค่ะที่คนหนุ่มอย่างคุณจะสามารถค้นพบเส้นทางแบบนั้นได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้


GD:เป็นเพราะว่าผมเป็นนักร้องมาได้ 10 ปีแล้วนะครับ
ผมไม่คิดว่าผมจะเจอทางเลือกอะไรสำหรับที่จะเปลี่ยนอาชีพได้อีกแล้ว
ผมคงทำได้แต่อาชีพนี้แหละเพราะมันก็เป็นความฝันของผมมาโดยตลอดตั้งแต่ยังเด็ก
แต่ยังไงก็ตาม การที่ได้มาเป็นนักร้องเกาหลีมาเป็นไอดอลแบบนี้ผมก็ต้องประสบกับปัญหามากมายด้วยเช่นกัน
ในทางแยกที่ผมได้กล่าวไปเมื่อกี้ผมเคยคิดว่าผมควรที่จะยืนหยัดทำในสิ่งที่กำลังทำอยู่หรือจะยอมแพ้
แต่มันก็มาจบลงตรงที่ความคิดว่าอยากจะเป็นนักร้องนั้นมันฝังอยู่ในใจของผม
เพราะแบบนั้นผมถึงรู้ทางเลือกของตัวเองครับ


GQ: งานเดี่ยวในส่วนของสมาชิกวงแต่ละคนประสบความสำเร็จมาก
ไม่ว่าจะไปร้องเพลง ไปแสดงภาพยนตร์ หรือ ไปมีส่วนในรายการวาไรตี้
ตอนนี้พวกคุณกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง พวกคุณมีความรู้สึกแบบ
"อ่า พวกนายล้วนประสบความสำเร็จแล้วนะในตอนนี้" บ้างไม๊ค่ะ???

GD: อ่าาาา .

GQ: พวกเค้าล้วนโด่งดังและพวกเค้ากลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ฉันได้อ่านในการสัมภาษณ์นึง
คุณบอกเอาไว้ว่าในตอนนี้เหมือนกับศิลปินเดี่ยว 5 คนมารวมตัวทำงานร่วมกัน
ประโยคนี้ดีทีเดียวค่ะแต่ฉันคิดว่าคุณคงต้องเจอปัญหาที่แตกต่างไปแน่ๆในการกลับมาทำงานร่วมกันในครั้งนี้ ใช่ไม๊ค่ะ??


GD: ผมคิดว่าผมเจอหนทางของตัวเองในการที่จะเป็นผู้นำให้กับบิกแบงแล้วละครับ
ผมจำเป็นต้องแข็งแกร่งกว่าพวกเค้ารวมถึงแกร่งกว่าตัวเองด้วย
ถ้าผมไม่แข็งแกร่งกว่าพวกเค้า พวกเค้าก็จะไม่ยอมฟังผมอีกต่อไปแล้ว
ผมต้องเป็นเจ้าของพรสวรรค์ที่พวกเค้าไม่มีเพื่อที่จะสามารถทำให้พวกเค้าเชื่อถือ ว่าผมมีศักยภาพในการที่จะเป็นผู้นำ
และทำให้พวกเค้าเชื่อในคำพูดของผมและด้วยเหตุนี้ผมถึงต้องพยายามดื้นรนอย่างหนักและยืนยันในสิ่งที่ผมเชื่อมั่น
ซึ่งผลที่ออกมาจนถึงตอนนี้ก็นับว่าดีครับและผมก็ค่อนข้างมั่นใจมากด้วยครับ
ผมกำลังจะมีอายุ 30 ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าผมไม่รู้ว่าผมจะสามารถจัดการกับมันได้ดีจนถึงเวลานั้นไม๊??
และผมก็ยังไม่อยากจะคิดถึงมันในตอนนี้ ผมไม่ใช่คนที่จะคิดถึงอนาคตอันยาวไกลเอาไว้ล่วงหน้า
เพราะผมเชื่อในการกระทำเท่านั้น ดังนั้นในตอนนี้ผมก็สามารถที่จะดื่มด่ำกับความรู้ในการใช้ชีวิตในตอนนี้ได้ครับ



GQ: คุณไม่ได้มีช่วงเวลาพักเลยก่อนที่จะคัมแบคในครั้งนี้ เพราะทันทีที่คุณจบการโปรโมทในยูนิตพิเศษ GDTOP
และ อัลบั้มเดี่ยวของ ซึงรี คุณก็คัมแบคเลย นี่เป็นแผนที่วางเอาไว้ตั้งแต่แรกเริ่มเลยเหรอค่ะ??


GD: ครับ เป็นแผนที่วางกันเอาไว้ตั้งแต่แรก เราต้องการที่จะทำให้ปี 2011 เป็นปีของบิกแบง
ทางบริษัทของเราได้ทุ่มเทความพยายามอย่างมากลงไปในการโปรโมทให้กับเรา
เราต้องการที่จะได้รับความโด่งดังเท่ากับในช่วงที่เราออกเพลง Lies ครับ
ไม่ว่าเราจะไปที่ไหนก็ตาม เราจะสามารถบอกได้เลยว่าผู้คนกำลังฟังเพลงของเราและพูดคุยเกี่ยวกับเรา
เราต้องการที่จะรู้สึกแบบนั้นอีกครั้งแต่สิ่งที่เราทำได้คือต้องรอและดูผลต่อไป
ไม่ว่าเราจะทำการโปรโมทในนามของ GDTOP ซึงรี หรือ อัลบั้มเดี่ยวของแดซอง
หรือในตอนนี้ที่เราทำในนามของบิกแบง สิ่งที่เป็นจุดมุ่งหมายของเราจริงๆคือ
เราอยากจะมีการเคลื่อนไหวตลอดทั้งปี เราต้องการที่จะเห็นชื่อของพวกเราให้บ่อยที่สุด
ดังนั้นเราจึงเริ่มอุ่นเครื่องด้วย GDTOP จากนั้นก็ตามมาด้วยการคัมแบคของทั้งวง
และเรากำลังจะเดินทางไปที่ประเทศญี่ปุ่นเร็วๆนี้ ก่อนที่จะไป เราจะออกซิงเกิลมาอีกหนึ่งเพลง
และหลังจากที่เราเสร็จสิ้นการทัวร์ที่ญี่ปุ่นเราอาจจะสามารถออกมินิอัลบั้มได้อีกหนึ่งชุด
ก่อนที่จะออกอัลบั้มเต็มออกมาครับ



GQ: ทั้งหมดนั่นเลยเหรอค่ะ??? แล้วคุณเตรียมเพลงทั้งหมดไว้แล้วรึยังค่ะ??

GD: อืม ตอนนี้ผมต้องเร่งทำงานให้หนักขึ้นอีกครับ ท่านประธานยางฮยอกซอกเป็นคนวางแผนเอาไว้ก็จริง
แต่เราก็อยากจะทำตามแผนนี้ด้วยดังนั้นเราจึงทุ่มเทไปตามนี้
และตอนนี้ ทุกอย่างก็อยู่ในขั้นตอนที่จะทำให้มันเป็นไปตามแผนที่เราวางไว้
ถ้าเราคอยโปรโมทเพลงไปทีละเพลงๆโดยที่ไม่ได้หยุดพักเลย เราก็จะสามารถที่จะมีการเคลื่อนไหวได้ตลอด
ถึงแม้ว่ามันจะหมายถึงว่าผมก็ต้องทำเพลงออกมามากขึ้นอีก
แต่ผมคิดว่าสิ่งที่ผมจำเป็นต้องมีก็แค่ขอเวลาให้ผมมากขึ้นเท่านั้น
ผมจะทำงานหนักขึ้นอีกนะครับเมื่อผมอยู่ที่ญี่ปุ่น


GQ:มีศิลปินมากมายที่ได้เข้าไปตีตลาดที่ญี่ปุ่น แต่ฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงเลือกที่จะทำแบบนั้นค่ะ??
ทำไมคุณถึงอยากที่จะขึ้นแสดงบนเวทีในญี่ปุ่นและเข้าไปในตลาดเพลงที่นั่นค่ะ??


GD: ผมอยากจะอธิบายในเรื่องนี้มานานแล้วละครับ
การที่จะไปบุกตลาดที่ใหญ่กว่าตลาดของเกาหลีหลายเท่าและได้เงินที่มากกว่า
เป็นเหตุผลที่ทำไมศิลปินมากมายถึงได้เข้าไปบุกตลาดเพลงในญี่ปุ่น
แต่สิ่งที่เราคิดเกี่ยวกับตลาดที่ญี่ปุ่นคือ เราถูกปฏิบัติในแบบที่เราเป็นศิลปินจริงๆ
เป็นเพราะผมไม่สามารถที่จะลืมความรู้สึกนั้นได้ ผมจึงต้องการที่จะทำกิจกรรมที่ญี่ปุ่นต่อไปครับ
ที่เกาหลี มีหลายๆสถานการณ์เลยที่อำนาจของบริษัทบันเทิงต่างๆหรือ สถานนีโทรทัศน์อยู่เหนือพวกเรา
แต่ที่ญี่ปุ่นมันเป็นไปในทางตรงกันข้าม เพราะทุกอย่างถูกสร้างมาเพื่อศิลปิน
เป็นเพราะเรารู้สึกมีความสุขภายใต้การปฏิบัติแบบนั้น ความทะเยอทะยานในการที่จะประสบความสำเร็จ
และการที่จะพยายามสร้างการแสดงให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้จึงมีมากขึ้น มากขึ้น
นี่เป็นความสุขที่ดีที่สุดที่คนเป็นศิลปินจะได้รับ เป็นอะไรที่เราหาซื้อด้วยเงินไม่ได้
เมื่อไหร่ก็ตามที่เรามองไปที่การแสดงของเรา เราจะรู้สึกได้เลยว่า
มันเป็นความสุขที่ล้นเหลือจริงๆที่เรามีการแสดงเป็นของเราเองจริงๆ
และเพราะเหตุนี้ เราจึงหยุดไม่ไปทำงานที่ญี่ปุ่นไม่ได้เพราะการถูกปฏิบัติแบบนี้
เราสามารถได้รับได้ที่ญี่ปุ่นที่เดียวเท่านั้น นอกจากนี้เราโตขึ้นมากหลังจากที่ได้ไปเดบิวที่ณี่ปุ่นครับ
แม้ว่าเราจะมีชื่อ บิกแบง ติดตัวแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะประสบความสำเร็จเพียงเพราะแค่มีชื่อนี้เท่านั้น
ดังนั้นเราจึงเริ่มการโปรโมทของเราในวงการเพลงใต้ดินก่อน
และเราต้องการที่จะแนะนำให้ญี่ปุ่นรู้จักศิลปินชาวเกาหลีคนอื่นๆด้วย
ในฐานะที่เป็นนักร้อง มันเป็นเรื่องที่จำเป็นที่จะต้องวางรากฐานของพวกเราให้มั่นคงไปทีละขั้นๆ
ก่อนที่จะเดินหน้าต่อไป ในเกาหลี เราต้องไปโชว์ตัวตามรายการวาไรตี้มากมาย
ที่ซึ่งความสามารถทางการร้องเพลงของเราไม่สามารถพัฒนาได้จากรายการวาไรตี้
บางครั้งผมคิดว่าผมไม่อยากที่จะทำอะไรแบบนั้นเลยจริงๆแต่ถ้าผมไม่ทำ
ผู้คนก็อาจจะคิดว่าผมเป็นคนแปลกๆและเป็นตัวประหลาดในวงการบันเทิง
ดังนั้น ความสุขที่ได้จากการเป็นนักร้องจริงๆผมสามารถสัมผัสได้ที่ญี่ปุ่น ผมรู้สึกดีที่โน่น
เมื่อผมอยู่ที่ญี่ปุ่นผมรู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นนักร้อง และผมรู้สึกได้รับพลังขึ้นมาใหม่เลยละครับ


GQ: ถ้าเราพูดถึงเรื่องของความโด่งดัง จีดราก้อนจะอยู่บนสุดของรายการตลอดนะค่ะ
ชื่อของคุณปรากฏอยู่ในฐานะ ผู้ประพันธ์ และ ผู้เขียนคำร้อง ในทุกเพลงที่อยู่ในมินิอัลบั้มนี้
คุณมีอะไรอยากจะบอกกับเราไม๊ค่ะ บิกแบงกลับมาแล้วนะ ??

GD: (หัวเราะ) ต้องพูดใช่ไม๊ฮะ?? ผมไม่สามารถมอบความรับผิดชอบนี้ให้ใครได้ครับ
ความปรารถนาที่อยากจะทำมันทั้งหมดด้วยตัวของผมเองมันระอุอยู่ในใจครับ
ผมเป็นคนประเภทที่ไม่ต้องการให้ใครมายุ่งมาแทรกในงานของผมครับ


Part 2

GQ: คุณเคยพูดไว้ครั้งนึงว่าคุณเคยประสบกับเหตุการณ์ที่ว่า
คุณไม่รู้ว่าจะต้องต่อสู้กับอะไรเมื่อคุณอยู่กับบิกแบง
แล้วกับงานเดี่ยวละค่ะ คุณประสบกับเหตุการณ์นั้นไม๊ค่ะ??


GD: ผมก็ยังไม่มั่นใจมากเท่าไหร่นะครับว่าการเป็นนักร้องเป็นเรื่องที่ดีหรือเปล่า
ที่เกาหลี ถ้าเราต้องการที่จะโด่งดัง บางครั้งเราอาจจะต้องถือโอกาสเอาคำวิจารณ์ในด้านลบมาใช้ให้เป็นประโยชน์
ผมต้องการที่จะเป็นคนพิเศษสำหรับตัวเองและสำหรับคนอื่นๆด้วย
เหมือนกับที่ lady gaga ทำได้ในฐานะเป็นผู้ที่มีชื่อเสียง ผมต้องการที่จะเป็นเหมือนเธอ
เพราะผมมีความหวังว่าวันนึง เวลาที่คุณพูดชื่อ จีดราก้อน ออกมา
พวกเค้าจะสามารถพูดคุยอะไรหลายๆอย่างเกี่ยวกับตัวผมได้
เพราะผมก็เป็นคนดังคนนึงที่ได้รวมเอาวัฒนธรรมหลายๆสาขาของเกาหลีมารวมกันเอาไว้


GQ: เหมือนกับเป็น ความใฝ่ฝันของชาวเกาหลีเหรอค่ะ ?
GD: (55555) ครับ ผมฝันในเรื่องนี้ครับ
ความปรารถนาที่จะประสบความสำเร็จแบบนั้นมันอยู่ในใจมาโดยตลอด
ตั้งแต่ที่ผมเริ่มที่จะทำเพลงของตัวเองจนมาถึงตอนนี้ครับ


GQ: ดูเหมือนว่าไม่ว่าคุณจะทำอะไร คุณก็ต้องดึงดูดคำวิจารณ์ตามมาด้วยเสมอ
ฉันคิดว่านี่เป็น ขั้นตอนแรกของการก้าวไปสู่การเป็น คนดังนะค่ะ
คนที่ไม่สามารถยั่วยุให้คนเกลียดได้หรือทำให้เค้าวิจารณ์เราในทางแย่ๆได้ไม่สามารถที่จะกลายมาเป็นคนดังได้อะค่ะ


GD: ครับ ผมก็คิดเหมือนกันว่าการที่เป็นศิลปินนั้นหมายถึงว่า
คุณจะต้องรู้วิธีที่จะสนุกสนานในการใช้ชีวิตและแหกกฏบ้าง
ผมไม่รู้ว่า นักแสดงจะเป็นแบบนี้ด้วยไม๊?? แต่ผมรู้ว่ามันเป็นแบบนี้จริงๆในหมู่นักร้อง เพราะผมก็เป็นหนึ่งในนั้น
การที่เราทำตัวบ้าบอขึ้น เพื่อที่คนอื่นจะได้พูดถึงเรามากขึ้น และนี่แหละที่เราเรียกว่านักร้อง
แต่ถึงยังไงก็มีนักร้องหลากหลายประเภทนะครับ เช่น คนที่ร้องเพลงที่ออกแนวหวานๆๆ ก็มี
แต่สิ่งที่ผมต้องการจะเป็นคือ นักร้องเพลงร็อคครับ


GQ: เมื่อคุณพูดเรื่อง นักร้องเพลงร็อคขึ้นมา ฉันก็คิดถึงการทุ่มกีตาร์ ขึ้นมาทันทีเลยค่ะ
จริงๆแล้วการแสดงในช่วงนั้นเป็นฉากที่น่าประทับใจมากในการแสดงเพลง tonight
และมันก็เป็นดึงดูดความสนใจจากคนดูด้วยนะค่ะ ถึงแม้ว่า มันจะเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงเพลงนี้ทุกครั้งก็ตาม
หลังจากที่คุณได้ขึ้นแสดงมาหลายครั้งแล้ว ดูเหมือนว่าคุณจะค้นพบว่ามันจะดูได้อารมณ์กว่า
ถ้าจะพลิกกีตาร์ให้อยู่ด้านข้างก่อนที่จะทุ่มลงกับพื้นนะค่ะ??

GD: 5555 ใช่ครับ คุณพูดถูกครับ

GQ: มีคนที่รู้สึกเสียดายกีตาร์ที่ทุกทุบทิ้งนะค่ะ แต่ฉันคิดว่าคุณไม่ได้เอาเรื่องนี้มาคิดเป็นจริงเป็นจังใช่ไม๊ค่ะ??
GD:ครับ ใช่ครับ

GQ: ก่อนที่จะเขียนเพลงขึ้นมาเพลงนึงคุณได้คิดไว้ในใจไม๊ค่ะว่าจะเขียนเพลงนี้ให้ใครหรือถึงใคร
เช่น คิดจะแยกความแตกต่างว่าเพลงนี้จะเขียนให้บิกแบงหรือเพลงนี้จะเขียนให้สมาชิกคนไหนร้องเป็นพิเศษ ??


GD: มันยากนะครับที่จะทำแบบนั้น บางครั้งผมตั้งใจจะทำเพื่อสมาชิกในวง
แต่มันดูจะเหมาะสมที่จะเป็นเพลงของบิกแบงมากกว่า
และก็มีบางครั้งที่ผมต้องการมากๆๆที่จะให้มันเป็นเพลงของบิกแบง
ท่านประธานก็จะขอให้ผมมอบเพลงนั้นให้เป็นเพลงเดี่ยวของสมาชิกในวงก็มี
ความคลาดเคลื่อนแบบนี้ทำให้ผมรู้สึกสับสนนะครับถึงแม้ว่าเพลงทั้งหมดผมจะเป็นคนเขียนขึ้นมาก้อตาม
แต่แผนการโปรโมทเพลงต่างๆของเราในอนาคตนั้น ถูกร่างเอาไว้โดยท่านประธานของเรา
และผมทำได้แค่ตามการตัดสินใจของเค้า และผมเชื่อในการตัดสินใจของเค้าครับ


GQ: ในฐานะที่คุณเป็นโปรดิวเซอร์ คุณคิดยังไงกับอัลบั้มเมื่อฟังในตอนนี้ค่ะ??
GD: ผมต้องการที่จะแสดงออกถึงตัวตนของสมาชิกแต่ละคนในวงผ่านอัลบั้มนี้ครับ
ถ้าผมแสดงออกแค่สไตล์ในแบบของผมผมคิดว่าคนคงจะรู้สึกผิดหวังกับมันนะครับ
และผมก็หวังว่าเสียงของสมาชิกแต่ละคนจะไม่ถูกบีบบังคับจำกัดด้วยตัวของเพลงด้วย
นอกจากนี้ผมอยากที่จะสร้างเพลงที่จะให้อารมณ์ในแบบเพลง ป็อป ขึ้นมา
ซึ่งดูเหมือนว่าอัลบั้มนี้จะสามารถทำได้ตามที่ผมต้องการนะครับ


GQ: แต่มันก็ยังคงต้องมีส่วนที่คุณไม่ค่อยพอใจรึเปล่าค่ะ?? รวมถึงส่วนที่คุณคิดว่าน่าจะทำให้ได้ออกมาดีกว่านี้??

GD: สำหรับผมแล้ว ผมว่านี่อาจจะเป็นเพราะนิสัยของผมที่คราวนี้ผมไม่ได้ร่วมงานกับโปรดิวเซอร์คนอื่นเลย
ถ้าผมเป็นคนที่เข้าสังคมมากกว่านี้ผมคงสามารถที่จะร่วมมือกับโปรดิวเซอร์คนอื่นๆ
หรือนักแต่งเพลงคนอื่นร่วมกันสร้างเพลงที่ดีกว่านี้ออกมา
และผมคิดว่าผมเป็นคนที่มีแนวโน้มที่จะไม่เข้าสังคมไปพบปะคนอื่นๆๆ
คนที่ผมมักจะคบหาด้วยก็จะเป็นทีมงานทั้งนั้นครับ ถึงแม้ว่าผมต้องการมาโดยตลอด
ที่จะเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีกว่านี้และคบหาเพื่อนมากกว่านี้
และสำหรับแทยัง ผมคิดว่าเค้าคิดมากไปในบางครั้ง ถ้าเค้าจะมุ่งมั่นไปที่การร้องเพลงอย่างเดียว
เค้าจะสามารถทำมันออกมาได้ดีมาก แต่ยังไงก็ดี เค้าก็มักจะคิดมากเกินไป
และต้องการที่จะทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างในตัวเค้าลงไป แบบเอาจริงเอาจังมากเกินไป
ดังนั้นเค้าถึงไม่สามารถที่จะประความสำเร็จในสิ่งที่เค้าต้องการจริงๆได้
ผมคิดว่าถ้าเค้าจะสามารถร้องเพลงออกมาได้อย่างสบายๆและไม่คิดมากเกินไป
เค้าจะสามารถทำออกมาได้ยอดเยี่ยมมากแน่ๆ
ในตอนที่ซึงรีออกอัลบั้มเดี่ยวดูเหมือนว่าเค้าจะนำเอาคำพูดคำแนะนำจากผมไปใช้ได้อย่างดี
เมื่อก่อน เค้าไม่สามารถที่จะทำได้เหมือนตอนนี้แต่หลังจากที่เค้าได้ลองอะไรใหม่ๆมามากมาย
เค้าก็ทำให้ผมประทับใจกับการเปลี่ยนแปลงของเค้าในครั้งนี้
นอกจากนี้หนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดของอัลบั้มนี้คือ ความโดดเด่นของแดซองครับ
บ่อยครั้งมากๆที่คนมักจะถามว่าใครทำหน้าที่ร้องนำในวงบิกแบง
พวกเค้าจะถามว่า " แทยัง ซึงรี หรือว่าแดซองกันแน่??" มีคนมากมายที่คิดแบบนั้นครับ
ถึงแม้ว่าในทีมของเราจะไม่ได้มีตำแหน่งที่ชัดเจนและจำกัดแบบนั้น เราไม่สามารถที่จะบอกว่าคนนี้ใช่คนนี้ไม่ใช่
ในตอนที่ผมทำงานในอัลบั้มนี้มีหลายครั้งมากๆที่ผมคิดว่าแดซองควรจะถูกเลือกให้ทำหน้าที่ร้องนำในเพลงนี้
เสียงของเค้าเป็นเสียงที่น่าพึงพอใจที่สุดในอัลบั้มนี้ เสียงของเค้าเหมือนกับเสียงของแบดบอย
ที่สามารถทำให้ผู้หญิงประทับใจและสามารถดึงดูดให้สาวๆมาหลงรักเค้าได้
เค้าทำออกมาได้ยอดเยี่ยมมากครับ และเพราะว่าเค้าเป็นคนที่ไร้เดียงสาและใจดี
เมื่อก่อนเค้าจึงเคยชินที่จะร้องเพลงออกมาด้วยเสียงที่ไร้เดียงสาครับ


GQ: อ่าาา....ถ้าเราจะใช้สไตล์ในการแสดงบนเวทีคอนเสริต์มาเป็นตัวตัดสิน
ถ้าจะพูดถึงคนที่มีสไตล์ในแบบชายโฉดมาที่สุดบนเวที ผลที่ได้คือ จีดราก้อนใช่ไม๊ค่ะ??


GD: 555555 คุณจะพูดแบบนั้นก้ได้ครับ คนอื่นๆเค้าไม่แสดงด้านที่ไม่ดีของเค้าออกมาหรอกครับ
แม้ว่าเค้าจะมีด้านนั้นอยู่ก็ตามแต่แต่ก็ไม่กล้าที่จะแสดงออกมาหรอกครับ


GQ: แล้วท็อปละค่ะ??
GD: สำหรับผมแล้ว ท็อปให้ความรู้สึกที่เงียบสงบนะครับ เราเพิ่งจะจบการทำงานในยูนิตพิเศษร่วมกันไปครับ
ซึ่งเราก็ทำออกมาได้เป็นอย่างดี และเราก็ร่วมมือซึ่งกันและกันได้เป็นอย่างดีครับ


GQ: บริษัท วายจี เอนเตอเทนเม้นซ์ได้รับความสนใจจากนักดนตรีจากต่างประเทศเหมือนกันนะค่ะ
ในฐานะที่เป็นโปรดิวเซอร์ ฉันคิดว่าคุณคงมีนักดนตรีในใจที่อยากจะร่วมงานด้วยอยู่ ใช่ไม๊ค่ะ??


GD:แน่นอนครับ มีมากเลยละครัย ผมได้ทำงานเพลงเพื่อบิกแบงมาแล้ว
ดังนั้นผมก็อยากที่จะทำเพลงให้กับวงเกริล์กรุ๊ปหรือว่านักร้องหญิงดูบ้างอะครับ
ผมได้โปรดิวเพลงให้กับ 2ne1มาแล้ว แต่ผมต้องการที่จะทำงานเพลงให้กับวงที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่บ้างในตอนนี้
ผมต้องการให้พวกเค้าเอาเพลงของผมไปร้องขึ้นแสดงบนเวทีตั้งแต่ช่วงที่พวกเค้าเริ่มเดินทางในสาขาอาชีพนี้เลย
ไม่ใช่ว่าผมมาร่วมทำให้ในช่วงตอนกลางของอาชีพของพวกเค้าแล้วอะครับ



GQ: ในทุกๆครั้งบิกแบงมักจะแสดงออกให้เราเห็นถึงด้านใหม่ๆเสมอเลยนะค่ะ
ในขณะเดียวกันในหมู่แฟนๆของพวกคุณก็มีกระแสใหม่ๆเกิดขึ้นด้วย
ถึงแม้ว่าพวกคุณจะทำงานในนามของวง แต่แฟนๆก็ถูกแยกออกเป็นสองกลุ่มคือ
"โอปป๊าของเธอ" กับ" โอปป๊าของเรา" ถ้าพวกเค้ารักคุณทั้งวงพวกเค้าจะเรียกตัวเองว่าเป็น"แฟนทั้งทีม"
แต่ถ้าเค้าชอบสมาชิกเพียงคนเดียวในวงพวกเค้าจะเรียกตัวเองว่า " แฟนงานเดี่ยว"
และมีบางพวกที่จะไม่มาสุงสิงกันเลยด้วยนะค่ะ


GD: ผมก็รู้เรื่องนี้มาเหมือนกันครับ
อ่า...ก่อนอื่นเลยผมต้องการอยากจะขอบคุณแฟนๆของผมในหลายสิ่งหลายอย่างนะครับ
แต่จริงๆแล้วผมก็มีเรื่องที่ไม่พอใจพวกเค้าเหมือนกัน จริงๆผมก็มีประสบการณ์เรื่องแฟนๆมาเยอะนะครับ
ในระหว่างช่วงพักและในช่วงที่ผมทำงานเดี่ยวไม่ว่าพวกคุณจะชอบพวกเราในแบบกลุ่มหรือแบบเดี่ยว
ผมคิดว่ามันไม่ใช่ทางที่ถูกต้องที่จะมาปฏิบัติต่อกันในแบบที่เป็นศัตรูกันนะครับ
และนั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมต้องการที่จะเห็นนะครับ


GQ: ฉันรู้มาว่าแฟนๆนั้นค่อนข้างจะอ่อนไหวเกี่ยวกับบทความ
ที่คุณพูดเกี่ยวกับแทยังและสมาชิกคนอื่นๆในวงบิกแบงเมื่อปีก่อน
หลังจากที่มีข่าวออกมาว่าจีดราก้อนจะร่วมร้องเพลงในเพลงใหม่ของแทยัง เพลง i need a girl ออกมา
แฟนๆของทั้งคุณและของแทยังต่างก็แสดงออกถึงความคิดเห็นที่แตกต่างกันไปในเรื่องนี้


GD: พูดตามตรงเลยคือ เราไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงในเรื่องนี้เหมือนกันครับ
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในเรื่องนี้คือ เราต้องทำสบายๆเกี่ยวกับเรื่องนี้
และผมเชื่อว่าแฟนๆก็จะต้องสามารถทำได้เหมือนกันในอนาคต
ไม่ว่าเราจะออกโปรโมทแบบเดี่ยวหรือโปรโมทพร้อมกันในนามบิกแบง
เราต้องการที่จะแสดงออกให้พวกคุณเห็นไม่ใช่เพียงแค่
การแสดงของบิกแบงหรือการแสดงของเราแต่ละคนในงานเดี่ยว
แต่เราต้องการที่จะแสดงออกให้เห็นถึงสิ่งใหม่ๆทุกอย่างที่เราได้พยายามทำ
เราต้องการให้พวกคุณมีความสุขเมื่อคุณได้ดูการแสดงของเรา
แต่บางเนื้อหามันก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถสนุกไปกับมันได้ทุกคน เหมือนกันครับ


GQ: ทางบริษัทของคุณรู้ถึงความขัดแย้งนี้ไม๊ค่ะ??
GD: รู้ครับ เพราะเราก็มีความขัดแย้งเกิดขึ้นระหว่างสมาชิกด้วยกันด้วย (หัวเราะ)
ทางบริษัทของเราค่อนข้างปวดหัวกับเรื่องที่มีแฟนๆเป็นสาเหตุเหมือนกันครับ




GQ: ฉันคิดว่าบริษัทวายจี เอนเตอเทนเม้นซ์เป็นบริษัทที่รวมเอารุ่นพี่และรุ่นน้อง
ที่มีใจรักในเสียงเพลงอย่างมากเอาไว้ด้วยกันและพวกเค้าก็ต้องการที่จะทำเพลงดีๆออกมา

GD: ครับ บริษัทนี้มีเราทุกคนเป็นผู้ดูแลครับ แต่มันก็ยังมีอะไรอีกมากที่เราจะต้องปรับปรุงอยู่
ผมรู้สึกเสียใจแทนแฟนๆด้วยนะครับสำหรับจุดด้อยต่างๆของเรา


GQ: บิกแบงเป็นวงดนตรีวงแรกที่เราเคยสัมภาษณ์ มา
ที่ระหว่างการสัมภาษณ์ไม่ต้องมีผู้จัดการมาคอยฟังอยู่ด้วย นะค่ะ

GD: เหรอครับ?? ทำไมละครับ??

GQ: เพราะจะต้องมีคนคอยมาดูแลในสิ่งที่พวกเค้าจะพูดไงค่ะ
GD: จริงเหรอฮะ?? อ่า เข้าใจแล้วครับ

GQ: คุณคิดยังไงกับบริษัท วายจี เอนเตอเทนเม้นซ์ค่ะ ??
GD: มันเป็นบริษัทที่เหมาะสมกับผมที่สุดในทุกแง่มุมครับ ที่นี่จัดหาสิ่งแวดล้อมที่ดีที่สุดไว้ให้กับผม
ในการที่จะสร้างผลงานเพลงออกมาและที่นี่ยังมีรุ่นพี่มากมายที่ผมสามารถที่จะเรียนรู้ในสิ่งต่างๆมากมายได้จากพวกเค้า
ในตอนแรกผมคิดว่าผมต้องวิ่งบนเส้นทางนี้อย่างโดดเดี่ยว แต่จริงๆแล้ว ยังมีผู้คนมากมายที่ร่วมทำงานหนักร่วมทางไปกับผม
ดังนั้นที่นี่จึงเป็นที่ตั้งมั่นของเราที่เราสามารถที่จะแบ่งปันความสุขและความสนุกให้แก่กันและกัน
มันเป็นเหมือนสนามเด็กเล่นในโรงเรียนให้กับพวกเราครับ


GQ: แต่ในสนามเด็กเล่นแห่งนี้ก็มีงานมากมายเหลือเกินนะค่ะ ??
GD: ถ้าผมทำงานในบริษัทอื่นและมีงานมามากมายขนาดนี้ในบริษัทนั้น
ผมคงจะบ่นและมีข้อไม่พอใจมากมายแน่ๆเลยครับ แต่ผมสามารถทนได้เมื่อผมอยู่ที่ วายจี
เพราะที่นี่เป็นที่ที่เราสามารถทำทุกอย่างที่เราต้องการได้และเรารู้จักกันและกันเป็นอย่างดี
มันเหมือนกับเป็นครอบครัวใหญ่สำหรับผมแทนที่จะเรียกที่นี่ว่าเป็นที่ที่ผมทำงานอยู่
ผมอยากจะอธิบายสถานที่แห่งนี้ว่าเป็นที่ที่ผมสามารถค้นหาแรงจูงใจในการทำงานได้จะดีกว่า


GQ: แต่ถึงแบบนั้นคุณก็ไม่อาจจะปฏิเสธคำพูดที่คุณพูดเอาไว้เองว่า พวกคุณก็เคยมีปัญหาระหว่างกัน
มันต้องมีความขัดแย้งเกิดขึ้นระหว่างชายหนุ่ม 5 คนนี้บ้างว่าไม๊ค่ะ??

GD: แน่นอนครับแต่เราไม่ได้ตั้งตนเป็นศัตรูระหว่างกันนะครับเพราะเราต่างก็เคารพในกันและกัน ครับ

GQ: เข้าใจแล้วค่ะ งั้นใครชกต่อยเก่งที่สุดค่ะ??
GD: (หัวเราะ) ผมคิดว่าน่าจะเป็นแทยังนะครับ ไม่ก็ท็อป มั้งครับ??
มันมีเหตุการณ์เหตุการณ์หนึ่งที่ผมลืมไม่ลงทีเดียวครับ
ครั้งแรกเลยที่ผมเจอแทยัง เค้าดูเหมือนพวก มาเฟีย ในโรงเรียนครับ
เมื่อตอนที่เราเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น แทยังมาจากครอบครัวที่ทำงานให้กับรัฐบาลอะครับ
ซึ่งผมมีเพื่อนที่มีครอบครัวคล้ายๆกับแทยังและเพื่อนคนนี้ก็เป็นคนที่โหดมากครับ
ดังนั้นมันเลยทำให้ผมคิดว่าแทยังก็คงเหมือนพวก มาเฟีย ที่โรงเรียนอะครับ (หัวเราะ)
พวกเรามาจากโซลกันครับ ซึ่งเด็กจากโซลมักจะอ่อนแอกว่า


GQ: ไปมองแทยังเค้าด้านเดียวสินะค่ะ

GD: (หัวเราะ) หลังจากช่วงนั้น ผมก็ได้พัฒนาความสัมพันธ์กับเค้ามาเรื่อยครับ
และเป็นที่รู้กันดีในทุกคนเลยว่าเราทั้งคู่ไม่เคยทะเลาะกันมาก่อน
เราแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยสันติวิธีครับ เราสนิทกันมากขึ้นในลักษณะนี้
อาจจะเป็นเวลาซัก 1-2 ปีกว่าเราจะเข้ากันได้ ผมคิดว่าตราบใดที่เรารวมตัวกัน ทุกปัญหาย่อมมีทางแก้
มันเป็นเรื่องจริงไม่ใช่เฉพาะแค่เราสองคนแต่กับบริษัทด้วย หรือแม้แต่โลกทั้งใบนี้
ผมเชื่อจริงๆว่าเมื่อเราอยู่ด้วยกัน เราสามารถทำทุกสิ่งที่เราต้องการได้


GQ: คุณรู้สึกยังไงค่ะเมื่อมีคนมาชมว่าคุณทั้งฉลาดและน่ารัก
GD: ผมจะรู้สึกดีใจครับ.

GQ: เราถ้าเกิดมีคนมาเข้าใจผิดคุณละค่ะ??
GD: ผมจะคิดว่าผมควรจะหาประโยชน์จากการเข้าใจผิดในคำพูดของผมเพื่อให้เป็นที่สนใจให้มากขึ้นดีไม๊??
มันเป็นคำถามที่ผมมักจะสงสัยเสมอครับ


GQ: จะมีใครซักคนที่เคยเห็นตัวตนที่แท้จริงของจีดราก้อนบ้างไม๊ค่ะ??
คุณดูเหมือนจะเท่อยู่ตลอด เวลาที่อยู่ต่อหน้าผู้คนอะค่ะ


GD: มีครับ โดยเฉพาะเมื่อสาวๆมองดูผม พวกเธอจะไม่คิดว่าผมหล่อ
แต่พวกเธอจะคิดว่าจะเอาชนะผม ผมจะส่งความรู้สึกที่เชิญชวนให้คุณเข้ามาปราบผมให้ได้ออกมา
อย่างไรก็ตามผมชอบความรู้สึกแรงกล้าที่ผมสามารถส่งไปให้คุณได้แบบนี้นะครับเพราะมันมีความหมายมากเลยละครับ


GQ: นี่คุณกำลังมีความสัมพันธ์กับใครไม๊ค่ะเนี่ย??
GD: ผมมักจะหวังแบบนั้นเสมอครับ ผมจึงมักจะใช้ชีวิตเหมือนกับผมกำลังมีความรักเสมอนะครับ (หัวเราะ)

GQ: ถ้าจะให้ตัดสินจากมุมมองของผู้หญิงของคุณ
ส่วนไหนของคุณที่พวกเธอชอบและส่วนไหนที่พวกเธอรังเกียจมากๆค่ะ??

GD: แทนที่จะชอบรูปลักษณ์ของผม พวกเธอจะชอบน้ำเสียงของผมเวลาพูดและชอบการกระทำของผมมากกว่าครับ

GQ: นี่หมายความว่าคุณจะจูบพวกเธอและทำอะไรบางอย่างที่แสดงออกถึงความรักของคุณงั้นใช่ไม๊ค่ะ??
GD: (หัวเราะ) จูบเหรอฮะ?? ครับ ผมเป็นคนที่เก่งในเรื่องจูบนะครับ พวกเธอเคยพูดว่าผมเป็นคนที่จูบเก่ง

Korea Original: DCGD via missarrogant18 @twitterKorean
Chinese translation: 7 @GDFW via baidu BIGBANG
English translation: Rice @ bigbangupdates
Thai Translation by undercover @ VIPP @ Choitopthailand

0 comments:

แสดงความคิดเห็น