Flag Counter

free counters

วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2554

[Trans] G-Dragon Shine a light Making book#3

G-Dragon Shine a light Making book
 
  



"สวัสดีครับ!"
จียงปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับร่างกายที่แข็งแรงขึ้นแล้ว เสียงสดใส และค้อมตัวลง 90 องศาเหมือนทุกครั้ง
เขายิ้มกว้างให้กับนักดนตรีในห้องที่กำลังรออยู่ ทักทายพวกเขาทีละคนด้วยท่าทีเป็นกันเอง
พูดซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าเขาหวังจะให้งานวันนี้ผ่านไปได้ด้วยดีพร้อมกับทุกคน
หนึ่งในทีมงานที่จียงทำงานกับเขามาตั้งแต่ยังเป็นเด็กฝึกหัด
บอกว่าจียงมักจะพูดจาทักทายแบบนี้อยู่เสมอตั้งแต่เด็กแล้ว
อาจจะเป็นไปได้ว่าเขาทำมันบ่อยมากจนกลายเป็นธรรมชาติได้ขนาดนี้ เหมือนเป็นนิสัยติดตัว
แล้วมันก็ทำให้ทุกคนมีความสุขมากจริงๆ เมื่อพวกเขาได้รับการต้อนรับด้วยท่าทางที่สดใสแบบนี้
 

 



แม้แต่ตอนที่ต้องทำงานที่ญี่ปุ่น จียงก็ยังคงโทรหาทีมงานเพื่อเช็คเสียงและฉากต่างๆ
คนที่ไม่รู้จักเขาจะอาจจะพูดว่าเขาดูเป็นคนที่ทำงานด้วยยาก
(ขอสารภาพว่าฉันเองก็เคยเป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกัน)
แต่ตอนที่คุณได้มาทำงานกับเขาแล้ว อันที่จริงมันสนุกสนานและสบายใจมากกว่าทำงานกับคนอื่นเสียอีก
ไม่ต้องพูดถึงความรู้สึกดีพวกเราทุกคนได้รับ จียงเป็นศิลปินที่ยอมรับฟังคำพูดและคำแนะนำของสต๊าฟเสมอ
ฉันเคยกังวลว่าจียงจะรำคาญพวกเขามั้ย หรือว่าเขาจะเป็นพวกอ่อนไหวต่อคำติชมรึเปล่า
แต่เมื่อมองย้อนกลับไปทบทวนดูแล้ว พวกเราก็แค่คิดมากไปเอง
จียงสุภาพอ่อนโยนและพยายามใส่ใจกับทีมงานทุกคน
ฉันคิดว่านี่คือเหตุผลว่าทำไมทีมงานทุกคนถึงพยายามอย่างหนักทำงานให้ดียิ่งขึ้นเพื่อเขาเช่นกัน
ดังนั้นบรรยากาศของการทำงานถึงได้ดูอบอุ่นและเป็นมิตรตลอดเวลา
"ทุกๆอย่างจะออกมาดีแน่นอน ดูได้จากความพยายามของจียง
ฉันตั้งหน้าตั้งตาคอยคอนเสิร์ตนี้จริงๆ และก็อยากรู้ว่ามันจะออกมาเป็นยังไงกันแน่"

 
 



"ถ้าพวกเราลองปล่อยภาพวิดีโอการซ้อมคอนเสิร์ตนี้ออกไปสักเล็กน้อย จะเป็นยังไงครับ?"

ทีมงานต่างรู้สึกตกใจกับข้อเสนอย่างฉับพลันของจียง
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องปกติที่บทสรุปต่างๆจะขึ้นอยู่กับคนๆเดียว
แต่เขามักจะได้ความคิดใหม่ๆ และไอเดียเจ๋งๆ อย่างกะทันหันแบบนี้เสมอ
เพราะเขารู้ขั้นตอนการทำงานของคอนเสิร์ตดีกว่าทีมงาน
บางครั้งจียงจึงสามารถแกล้งล้อเล่นคุยโวโอ้อวดกับทีมงานที่เก้ๆกังๆได้ อย่างเช่น
"นายคิดอะไรแบบนั้นได้ยังไงเนี่ย?"
"คิคิคิ ผมฉลาดไง ใช่มั้ยล่า~"

 
 



"คุช คุณคิดว่าจียงเป็นคนแบบไหนคะ?"
"สำหรับผมแล้วจียงเป็นรุ่นน้องที่เหมือนเพื่อน เขาร่าเริงอยู่ตลอดเวลา
ถึงแม้ว่าเขาจะดูวัยรุ่นอยู่ แต่อันที่จริงเขาเป็นคุณปู่หงำเหงือกแล้วต่างหาก!
ผมคิดว่าจียงจะปล่อยความเป็นตัวของตัวเองผ่านการร้องเพลงได้ดีกว่าการพูด
และเขาก็เป็นนักดนตรีตัวจริงที่สามารถแสดงตัวตนผ่านทางท่าทางบนเวทีได้โดยตรงเลย"

 
 



ฉันรู้มาว่าจียงและทีมนักเต้นพวกเขาสามารถสื่อสารกันได้เพียงแค่มองกันและกัน
ขณะที่ฉันกำลังดูพวกเขาซ้อม การเห็นว่าจียงเข้ากับทุกคนได้ดีในกับเหล่าแดนซ์เซอร์แบบนี้
ทำให้ฉันได้แต่คิดว่า "นี่จะต้องเป็นตัวตนที่ 'ควอนจียง' เป็น ไม่ใช่ 'G-Dragon' แน่ๆเลย"
"ผมเคยเป็น ควอนจียง ก่อนที่จะได้เดบิ๊ว
แต่ต่อมาก็ได้กลายเป็น G-Dragon สำหรับเพื่อนบางคน...มันทำให้ผมเศร้ามากจริงๆ
ถ้าบางคนรู้สึกว่าการอยู่กับผมมันทำให้พวกเขาไม่สบายใจล่ะก็ ผมคิดว่าผมก็คงจะรู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน
ดังนั้นผมจึงรู้ว่าตัวเองไม่สามารถเข้าไปพบปะพูดคุยกับเพื่อนๆที่ทำตัวไม่สบายใจเวลาอยู่ต่อหน้ากันได้
มันเป็นเรื่องที่น่าเคอะเขินทั้งสำหรับผม แล้วก็สำหรับพวกเขาเช่นกัน

แต่เพื่อนๆของผมที่เหลือ พวกเขาคือเพื่อนแท้จริงๆครับ
พวกเรายังคงล้อเล่นกันได้ แกล้งทำร้ายร่างกายกันได้อย่างสนุกสนาน...มันสนุกมากจริงๆนะครับ
มันอาจจะดูไม่มีอะไรสำหรับคนอื่น แต่สำหรับผมแล้วมันสนุกที่สุดในโลกเลยครับ"

นี่อาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไมการซ้อมเต้นถึงได้เป็นเรื่องที่ดูน่าสนุกนักสำหรับจียง
เพราะทีมนักเต้นทุกคนคือ 'เพื่อนแท้' ของเขา
 
 


ทุกครั้งที่บิ๊กแบงได้กลับมาจากญี่ปุ่น กาโฮจะถูกนำมาส่งไว้ที่หอพักของบิ๊กแบง
เพราะมันเป็นความสุขเล็กๆ ของจียงที่จะได้เจอกับกาโฮตอนเขากลับมาถึง
ครั้งนึง แม่ของจียงเคยส่งกาโฮเข้าไปในโรงเรียนสุนัขเพื่อที่จะฝึกนิสัยของมันขณะที่จียงอยู่ญี่ปุ่น
ถ้าคุณลองคิดดูดีๆแล้ว นี่มันเป็นเรื่องที่ทำให้จียงโกรธมากตอนเขากลับมาถึงเกาหลี
พอได้มาเห็นความรักที่จียงมีให้ต่อกาโฮด้วยตัวเองแบบนี้
ฉันถึงได้รู้ว่าเขาเลี้ยงสุนัขของตัวเองราวกับแก้วตาดวงใจ เหมือนลูกชายเลยทีเดียว
(แต่ตอนกาโฮดื้อเหมือนสุนัขทั่วไปในบางครั้ง จียงก็ทำโทษเค้าแน่นอน เขาไม่ได้เอาแต่ตามใจมันทั้งวัน)
หลังจากรู้ว่ากาโฮถูกส่งไปที่โรงเรียนฝึก จียงต้องการนำเขากลับบ้านทันที
และกังวลว่ากาโฮจะเป็นยังไงถ้าต้องอยู่ตัวเดียวในที่ที่ไม่คุ้นตา
แต่หลังจากได้ฟังเหตุผลของแม่ว่า 'ทำไมกาโฮถึงจำเป็นต้องถูกฝึก' เขาก็ต้องยอมรับมันอย่างเสียไม่ได้
แม่ของจียงบอกว่าเพราะเขาไม่สามารถจะอยู่กับกาโฮได้ตลอดเวลา
ดังนั้นก็ควรจะส่งไปเรียนให้มันรู้วิธีเอาตัวรอดได้ด้วยตัวเอง ตอนที่จียงไม่ได้อยู่ด้วย
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น จียงก็ดูเหมือนคิดถึงกาโฮจนแทบจะขาดใจ
คุณเห็นความรักที่จียงมีต่อกาโฮในการซ้อมของเขามั้ยล่ะ?
(หมวกของเขาเขียนว่า 'พ่อกาโฮ' ด้วยนะ ฮ่าๆๆ)
 


จียงที่ฉันเห็นตอนฝึกซ้อมแตกต่างจากคนที่ฉันเห็นในทีวีหรือคอนเสิร์ตมาก
ณ ตอนนั้น เขาไม่ใช่ลีดเดอร์ที่มีเสน่ห์และสมบูรณ์แบบของบิ๊กแบง
แต่เป็นจียง เด็กฝึกหัดในอดีต
เขาซ้อมหนักมากพร้อมกับหยาดเหงื่อที่ไหลออกมามาราวกับจะไม่มีวันพรุ่งนี้
จียงทุ่มทั้งตัวลงไปในการฝึกซ้อมทุกๆวินาทีเพื่อที่จะไม่พลาดอะไรแม้สักอย่างเดียว
คุณอาจจะคิดว่า แค่การฝึกซ้อมแค่นี้ เขาก็คงจะต้องเหนื่อยล้ามากๆแล้วแน่ๆเลยใช่มั้ย
แต่ในระหว่างพัก จียงก็ยังคงต้องวุ่นอยู่กับการเช็คท่าเต้นและการจัดตำแหน่งของแดนซ์เซอร์ด้วย
ความเหนื่อยของจียง มันมากกว่าที่เราคิดนัก

ใจเย็นๆนะ จียง
 
 



Look Only At Me Part.2 จะได้ถูกร้องโดยจียงและแทยังบนคอนเสิร์ตครั้งนี้
จียงและแทยังโตมาด้วยกันจนถึงตอนนี้ก็ 10 ปีแล้ว
ระยะเวลาที่รู้จักกันมานาน ทำให้พวกเขาไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้มากมายก็เข้าใจซึ่งกันละกันได้ดี
ฉันสังเกตว่าตอนที่ทั้งสองคนพูดคุยและหัวเราะไปด้วยกันระหว่างพักซ้อม
จียงดูจะพูดมากขึ้น น่ารักมากขึ้น เวลาอยู่กับแทยัง
แต่ตอนที่ดนตรีเริ่มบรรเลงขึ้น ความสนุกสนานตรงนั้นก็มลายหายไปทันที
พวกเขาทุ่มความสนใจท้งหมดไปที่การฝึกซ้อมอย่างไม่มีเหลือคราบของเด็กขี้เล่น
"Look only at me~"
อา...ฉันเองก็ต้องการมองไปที่แค่จียงและยองเบเท่านั้นจริงๆ...
 
 



เพื่อสุขภาพและร่างกายที่ดีในระหว่างการเตรียมคอนเสิร์ตของจียง คุณแม่ของเขาจะทำซุปเนื้อมาให้
จียงทานซุปเนื้อของแม่เขาทุกๆวันเลย
ฉันไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน แต่ตอนที่คุณนึกถึงจียง คุณคงจะนึกถึงอาหารจำพวกสปาเกตตี้ไม่ก็พิซซ่าใช่มั้ย
แต่ไม่ใช่เลย ที่จริงแล้วจียงชอบอาหารเกาหลีมาก
ในที่สุดเขาก็เอาชีวิตรอดมาได้จนถึงตอนจบของคนเสิร์ต ต้องขอบคุณซุปเนื้อของแม่เขาจริงๆ
แต่บางทีจียงอาจทานมันมากเกินไปรึเปล่า?
"ผมสาบานเลยว่าได้แปลงร่างเป็นหมีแน่หลังจากกินหมดนี่..."
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะงอแงไปแบบนั้น แต่จียงก็ยังคงทานซุปเนื้อของแม่หมดถ้วยเหมือนทุกครั้ง
เมื่อเร็วๆนี้ เขาได้อยู่ในโหมด 'ซาบซึ้งซุปเนื้อ' ด้วย
 
 



"ดาร่า มีอะไรอยากจะพูดเกี่ยวกับจียงมั้ย?"

"เขาเป็นฮอตไอคอนตัวจริง ฉันไม่แปลกใจเลยว่าจียงที่น่ารักขโมยหัวใจของแฟนเกิร์ลได้ยังไง
และมันก็เป็นเรื่องที่ดีมากที่ได้เห็นความมั่นใจของเขาเสมอ
การทำงานอย่างหนักแต่ก็พร้อมที่จะบ้าสุดๆตอนที่ได้พัก! นั่นแหละสไตล์ของจียง

ในฐานะที่เราทำงานด้วยกันมา อดคิดไม่ได้ว่าเขาทั้งเท่แล้วก็น่าประทับใจไปในเวลาเดียวกัน
จียงดูแลทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาเป็นอย่างดี และขอบคุณทุกคนทุกครั้งที่ได้ทำงานด้วยกัน"

 
 
 
คอนเสิร์ตส่วนใหญ่ ฉันเคยได้ยินมาว่าแขกรับเชิญจะแค่มาเพื่อฝึกซ้อม และเช็คตำแหน่ง แค่แป๊บเดียวเท่านั้น
แต่คอนเสิร์ตของจียงคงต้องนับว่าเป็นกรณียกเว้นโดยสิ้นเชิง
ทุกๆคนมาซ้อมกับจียงทุกวันราวกับว่าเป็นคอนเสิร์ตของตัวเองยังไงยังงั้น
สมาชิกครอบครัว YG Family รู้ดึถึงความสำคัญของคอนเสิร์ตครั้งนี้
จียงต้องยืนอยู่คนเดียวท่ามกลางเวทีและแสงสปอตไลท์ หลังจากเฝ้ารอคอยโอกาสนี้มาถึงสิบปี
แม้ว่าเขาจะได้เดบิ๊วในฐานะบิ๊กแบง แต่นี่คือครั้งแรกที่มาได้มายืนบนเวทีที่ยิ่งใหญ่นี้
ในฐานะศิลปินเดี่ยว 'G-Dragon' ไม่ใช่หัวหน้าวงบิ๊กแบง
นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ทุกคนในครอบครัวต้องซ้อมอย่างหนักราวกับว่าเป็นของตัวพวกเขาเอง
....อย่างนั้นใช่มั้ย?
 
 
Scans by: DaragonHideout
Translated by: sjay.x @ BBVIP
Thai-Translation : pphelpz.exteen.com / @pphelpz

0 comments:

แสดงความคิดเห็น