Flag Counter

free counters

วันศุกร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2554

[Trans] TOP : ระหว่างความClassic และ Punk, ARENA , korea

บทความสัมภาษณ์ จากนิตยสาร ARENA เกาหลี

TOP : ระหว่างความClassic และ Punk

===============


การ ทำงานให้กับนิตยสารแฟชั่นทำให้ฉันสงสัยเกี่ยวกับสูทแบบคลาสลิก ว่าจริงๆแล้วมันเป็นยังไงเหรอสูทแบบคลาสลิก?? แน่ละ ถ้าหากจะให้ฉันเลือกสิ่งของในทางแฟชั่นที่สร้างขึ้นมาสำหรับผู้ชายโดยเฉพาะ ออกมาแบบนึง แน่นอนฉันต้องเลือกสูท
และด้วยได้แรงบันดาลใจมาจาก เครื่องแบบทหารและความเป็นยุคสมัยใหม่ที่เปิดกว้าง ทั้งสูทสีดำ สีขาว สีกรมท่า สีน้ำตาล ล้วนจะกลายมาเป็นจุดเด่นเหมือนกับว่าเป็นอาวุธลับของเราที่จะช่วยทำให้สัด ส่วนและคุณภาพเป็นชายสมชายในวันนี้

แต่ฉันไม่อยากจะทำไปตามไอเดีย ที่วางเอาไว้เหมือนถูกควบคุม หรือเป็นชายที่หัวโบราณ กับคำว่า "ผู้ชายสวมสูท" เมื่อเราลองมองย้อนกลับไปดูในประวัติศาตร์ จะเจอชุดเสื้อเชิ้ตที่มีการตัดเย็บตรงข้อมือแบบฝรั่งเศส และมีปกเสื้อที่กว้าง นั่นเป็นสไตล์ของJean Conteau ผู้ที่เรารู้จักกันดีว่าเป็นผู้ที่รวมเอาจิตนาการที่เหนือจริงมาใช้ได้อย่าง เป็นธรรชาติ
Andy Warhol ผู้ซึ่งใช้เวลาในช่วงเช้ากับการคิดงานสร้างสรรค์และใช้เวลาในตอนกลางคืนของเค้าไล่ตามความสุขที่ Studio 54
ทั้ง หมดแล้วล้วนทำตามสุภาษิตที่มีอยู่ว่า " ความลำบากและศิลปะ เป็นสิ่งเดียวกัน" และ John Lennon ผู้ซึ่งใช้ชีวิตโดยมีสายตาของสาธารณชนคอยจับตามองก็ยังใช้ชีวิตในแบบฮิปปี้ ร่วมไปด้วย

หากจะให้ฉันเลือกคนที่อยู่ในจุดที่กำลังร้อนแรงของสังคม เกาหลีในวันนี้ คนที่มีบุคคลิกที่เหมาะทั้งอารมณ์ของสูทและความอิสระของ punk ในเวลาเดียวกัน คนคนนั้นคงเป็น ท็อป

และเค้าก็ทำได้จริงๆ ในละครเรื่อง ไอริช ท็อปสามารถที่จะแสดงออกถึงเสน่ห์เหลือร้ายของตัวเองออกมาได้แม้ว่าปากจะปิด สนิทก้อตาม ด้วยสูทที่เข้ารูปและชำเลืองมองเราเค้าสามารถปล่อยแรงบันดาลใจที่อิสระออกมา ได้ผ่านทางสายตาเค้า และนี่คือผลลัพท์ที่เราได้บันทึกเอาไว้ผ่านรูปที่เต็มไปด้วยสีสันและบท สัมภาษณ์ที่แสนจะเรียบง่าย ครั้งนี้ค่ะ

================



ด้วย เสียงที่ทุ้มต่ำ คำพูดของ Andy Warhol ถูกนำมาพูดซ้ำอีกครั้ง " ศิลปะอีกไม่นานจะกลายเป็นความลำบาก" เค้าได้สะสมความมั่นคั่งมากมายมานานแสนนาน และไม่ลังเลเลยที่จะขายงานของเค้าให้มีมูลค่าสูงกว่าเดิมถึง 10 เท่าให้กับนักสะสม และเมื่อไหร่ที่เค้าพอใจกับ "ผลไม้แห่งความพากเพียร"ของเค้า เค้าก็จะใช้ชีวิตค่ำคืนให้ผ่านไปใน ดิสโก้เธคในปี 1970 ที่ Studio 54 กับนักร้อง Debbie Harry และนักเขียน Truman Capote ขนาดในคืนที่เค้าทำอัลบั้ม The Velvet Underground and Nico แม้ว่าในช่วงเช้าที่เค้าทำงานศิลปะของเค้าเพิ่งเสร็จสมบูรณ์งานศิลปะที่ทำ ให้รัศมีของ rollin stone กลายเป็นเรื่องที่ต้องถูกบันทึก สองสามวันก่อนที่ studio 54 จะถูกปิดเพราะเหตุการตายด้วยการเสพโคเคนเกินขนาด ในขณะที่กำลังปลอบใจ Truman Capote Andy Warhol ถูกพบเห็นในรองเท้าวินเทจของอิตาลี เนคไทเส้นกว้าง ยีนส์สีฟ้าสัญลักษณ์ของชนชั้นกรรมมาชีพโดยแท้ และเสื้อนอกสีดำที่กลายเป็นเข้ากันได้อย่างแปลกประหลาด และไม่ต้องสงสัยเลย แต่งหน้าก็ต้องในแบบ Andy-Warhol จ้องมองตรงมาอย่างไม่มีเกรงกลัว

=====================



คุณ รู้ไม๊ค่ะ ว่าทำไม Arena ถึงเรียกคุณมาทั้งที่คุณกำลังถูกรบกวนด้วยตารางงานที่แสนจะยุ่งอย่างร้ายแรง ??ก็เพราะเราคิดว่า ท็อปเป็นคนเดียวที่จะสามารถกระตุ้นบุคคลิกที่มีของสูทแบบคลาสลิกและสไตล์ใน แบบ punk ออกมาได้

" ahh แค่ได้ยินแบบนี้ก็รู้สึก เป็นภาระใหญ่แล้วครับ ผมไม่ค่อยรู้อะไรมากแต่ผมกำลังเผชิญกับภาวะของคนอายุ ยี่สิบต้นๆ บุคคลิกของผมจึงกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนครับ เช่น ในตอนเด็กกว่านี้ผมจะบ้าเสื้อผ้าในแบบที่วัยรุ่นออกแบบและสวมใส่โดยวัยรุ่น ในแบบฮิบฮอป ดังนั้นไม่ว่าเมื่อไหร่ถ้าผมได้เงินมาผมจะรีบไปซื้อร้องเท้าผ้าใบมาสะสมไว้ แต่ตอนนี้ผมมีแนวโน้มว่าจะเลือกสูทหรือเครื่องประดับที่มีคุณภาพและดูไม่ฉูด ฉาดมาก ถึงแม้ว่าอาชีพของผมจะเป็นหนึ่งในอาชีพที่สามารถยืนอยู่ในแถวหน้าของวงการ แฟชั่นได้ แต่ผมชอบที่จะทิ้งระยะห่างของตัวเองให้ห่างออกมาจากการมุ่งความสนใจไปที่ กระแสแฟชั่นครับ เหตุผลนั้นเรียบง่ายครับ เพราะจู่ๆผมก็ตระหนักได้ว่าการตามกระแสแฟชั่นนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายเกินไป ผมตระหนักว่า คำว่า คลาสลิกนั้น สำคัญแค่ไหนสำหรับผู้ชาย โดยเฉพาะในสังคมเกาหลี ภาพรวมที่มีกลิ่นอายของศิลปิน หรือเสื้อผ้าที่มีอารมณ์หนักๆนั้นมันเข้ากันไม่ค่อยได้ในเวลาปกติ

"ผม ก็ยังสงสัยอยู่เหมือนกันนะครับ ว่าทำไมถึงออกมาในรูปแบบนี้ ?? ผมหมายถึงทำไมผมถึงชอบความคลาสลิกทั้งๆที่ผมอยากที่จะเป็นคนที่มีจิตวิญญาณ ที่อิสระ และหลีกเลี่ยงการที่จะมีคนมาระบุคำนิยามให้ผม จริงๆแล้วผมลืมตัวไปเลยเมื่ออยู่ในโลกของดนตรีมันถึงจุดที่ว่าผมไม่มีความ สนใจอะไรอย่างอื่นอีกเลยในโลกนี้"

"มีผู้คนมาต่อว่าผมว่า " นายควรจะต้องสนใจด้วยนะว่าบนโลกนี้มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง" แต่ผมไม่สนใจ ผมใช้ iphone ก้แค่มันเป็นเครื่องมือที่สามารถทำให้ผมส่งข้อความถึงสมาชิกในครอบครัวได้ก็ แค่นั้น ผมไม่ออกไปเที่ยวในช่วงที่ผมมีวันหยุดเพราะผมไม่อยากจะเปลืองพลังงานโดยใช่ เหตุ ผมอยากจะทุ่มพลังงานทั้งหมดของผมลงไปในเสียงเพลง แน่นอน ใครๆคงจะคิดว่าผม แปลกๆ (หัวเราะ) ถ้าวันไหนที่ผมปล่อยตัวให้เป้นแบบนี้ จู่คำว่า "คลาสลิก" ก็จะโผล่เข้ามามีพื้นที่ในใจของผมครับ

================



ช่วง เวลาแห่งการตกต่ำของสมาชิกวง บีเทิล John lennon ได้สร้างความเจ็บปวดและกลายเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ของช่วงที่เราเรียกว่า" ปี 1974 ที่สูญหาย" ทุกอย่างดูตกต่ำยุ่งเหยิงไปหมดหลังจากที่เค้าแยกทางกับ Yoko Ono นักร้องผู้ยิ่งใหญ่เตร็ดเตร่ไปกับร่างกายที่แข็งเหมือนหิน ไม่สามารถที่จะสร้างเพลงที่มีทำนองหรือเนื้อหาที่ทรงคุณค่าน่าจดจำออกมาได้ และยังถูกดึงลงไปให้ตกต่ำด้วยแฟนๆที่ยังคงคิดว่าเค้า เป็นตัวแทนของวัยรุ่นในสมัยนั้น เค้าหาทางออกด้วยการใช้ยาเสพติดและเครื่องดื่มแอลกออลล์ วันเวลาแปดเปื้อนไปด้วยการหาทางหนีและการฉ้อโกง ความรุนแรงและการล่มสลาย

และ อีกหนึ่งปีต่อมาพอดี เค้ากลับมายืนอีกครั้งบนเวทีกลางแจ้งี่เค้าเคยประกาศว่าเค้าจะไม่กลับมายืน อีก วันฟ้าใส ที่ลุ่มหลงในการอัดเสียง แว่นตากลมที่เป็นลักษณะเอกลักษณ์ สูทขาวอย่างเป็นทางการที่ใช้ในการแสดงจากอัลบั้ม Abbey Road ด้วยมาดใหม่ที่มีทรงผมที่ปล่อยตามอิสระ ความคิดของเค้าได้ผสมผสานเข้ากับ Yoko Ono ร่วมต่อต้านสงครามเวียดนาม อิสรภาพในห้องนอน การทำสมาธิในแบบเอเซีย และจิตใจที่เป็นอิสระตามแบบฮิปปี้

ท็อปถูก ประเมินว่าเป็นศิลปินที่อยู่ระหว่างความเป็นนักร้องและนักแสดง เมื่อไหร่ก็ตามที่เค้าเขียนเนื้อเพลง ปรับเปลี่ยนสไตล์ หรือ เป็นที่นิยมเพราะความคิดแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน มันต้องมีแหล่งให้แรงบันดาลบ้าง ซึ่งเค้าได้มาจากไหนกันละ??

จริงๆ ก็ไม่ได้มีแหล่งที่มาอย่างเฉพาะเจาะจงนะครับ ....ถ้าจะให้ผมเลือก น่าจะมาจาก คุณตาครับ เพราะคุณตาเป็นนักเขียน และนี่คงเป็นเหตุผลที่ทำไมท็อปจึงมีความสุขกับการเขียนตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และเค้าก็พยายามเรื่อยมาที่จะเขียนเนื้อเพลงด้วยตัวเอง
นอกเหนือจากที่ ได้รับพรสวรรค์ตกทอดมาจากคุณปู่ บางทีเค้าอาจจะหลงใหลไปกับภาพลักษณ์นักเขียนของคุณตาด้วยก็เป็นได้ เค้าถึงกลายเป็นมาชอบสวมสูท และมันก็เป็นการช่วยให้เค้าตระหนักถึงว่าสไตล์ที่อิสระนั้นเป็นอย่างไร " แม้ขณะที่ท่านจะจากไปท่านยัง คงพูดเสมอว่า " จงหมั่นทำให้จิตวิญญาณหนักแน่นขึ้นด้วยการทำสมาธิ" และนี่คือแหล่งพลังงานและสุภาษิตส่วนตัวของผมที่กลายเป็น "สิ่งที่เป็นเหมือนท็อป" ครับ"

=================



คุณหมายความว่ายังไงที่บอกว่า " สิ่งที่เป็นเหมือนท็อป"
ผู้ชาย ที่เท่และฉลาดกว่าผู้ชายคนอื่น (หัวเราะ) ล้อเล่นฮะ มันยากที่จะอธิบายเจาะจงออกมาฮะแต่ตั้งแต่เดบิวมา ผมพยายามที่จะแสดงออกสิ่งที่ "เป็นเหมือนท็อป" ออกมาบนเวทีในฐานะสมาชิกวงบิกแบงครับ จะเงียบ และไม่ค่อยเปลี่ยนสีหน้า และขยายสไตล์แต่ยังคงไว้ซึ่งบุคคลิกแบบนั้น ในตอนแรกมันไม่ง่ายเลยที่จะหาส่วนที่สมดุลระหว่างตัวจริงๆข้างในของผมกับภาพ ลักษณ์ที่เห็นภายนอก มันสร้างความเครียดให้ผมมาก แต่เร็วๆนี้ผมมาคิดๆดูแล้วว่าการที่พยายามจะแยกตัวตนจริงๆของผมออกมานั้นมัน ไม่ใช่เรื่องที่สำคัญ เพราะไม่ว่าจะเป้นสิ่งที่ผมมีมาตั้งแต่เกิด หรือสิ่งที่ผมพยายามแสดงออกมาและได้มันมาตอนที่ผมโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ทุกอย่างล้วนมีตัวตนอยู่จริงๆในตัวผม เด็กผู้ชายที่ "มีใจอ่อนโยน และนุ่มนวล" หรือจะเป็น "ผู้ชายที่แข็งแกร่งผู้ที่ไม่ยอมเสียความมุ่งมั่นแม้ขณะที่แทบจะไม่มีลม หายใจอยู่แล้วในฉากสงครามหรือบทเวที" ล้วนแล้วแต่ก็คือ ท็อป ทั้งนั้น ความสงบภายในใจและชีวิตที่ได้รับการกระตุ้นล้วนสำคัญสำหรับผม ผมแสดงด้วยความตั้งใจท่ามกลางการระเบิดของระเบิดในช่วงกลางฤดูหนาวจัดที่ HapCheon เป็นการกระตุ้นที่ยอดเยี่ยม และการแสดงคอนเสริต์มากกว่า 10 รอบที่ญี่ปุ่นสำหรับดับกระหายความต้องการขึ้นเวทีของผม เหมือนกับคำที่คุณตาได้แนะนำไว้ เวลานี้เป็นเวลาที่ผมจะทำให้จิตวืตวิญญาณของผมแข็งแกร่งผ่านการทำสมาธิ

==================


Truman Capote ได้มีชีวิตอยู่เห็นตัวเองในวัย 59 เค้าเขียนจนกระทั่งในวันก่อนที่เค้าจะเสียชีวิตเพราะเสพยามากเกินขนาด
สูท เท็กซิโด้ที่เค้ากำลังจะสวมไปร่วมงานปาร์ตี้ในวันถัดมายังคงแขวนอย่างเรียบ ร้อยบนกำแพง แม้ว่าเค้ากำลังอยู่ในสภาพกำลังจะล้มละลายแต่เค้าก็ไม่ยอมทิ้งสไตล์ และข้างกายของนักหนังสือพิมพ์ชาวอเมริกันชื่อดังผู้นี้มีเพียงผู้หญิงที่ ชื่อ Joanne Carson เพียงผู้เดียวที่ยังคงเป็นเพื่อนเค้า เค้ายังคงค่อยๆเขียนเรื่องราวเล่าอย่างสงบว่าเค้าต้องระมัดระวังมากแค่ไหนใน การที่จะเขียนเรื่องสั้นๆ 3 เรื่องเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้เธอ โดยที่ไม่ได้พักและประหม่า เมื่อเธอมาขออ่านงานของเค้าเพราะเธอ ชื่นชอบนักเขียนระดับ ,Flaubert, Proust, และ Doyle Conan หรือเขียนเล่าบรรยายว่าเค้าได้สูทสีดำตัวใหม่มาได้ยังไง

ขนาดตอนที่ เค้าเดินทางไปดูการแสดงละครเวทีของตัวเอง ตอนที่ไปพบปะกับคนในหมู่ชนชั้นสูง หรือแม้แต่ตอนที่กำลังยื่นสินบนให้เจ้าหน้าที่ในคุกเพื่อที่จะได้พาเค้าเข้า ไปแอบดูนักโทษโรคจิต เค้ายังไม่ลืมที่จะใส่น้ำมันลงบนผมบลอนด์ สวมแว่นตาขอบทอง และใส่สูทเท็กซิโด้ที่พอดีตัว และพกน้ำเสียงใสไปด้วยเสมอ และนี่คือ Capote กับเท็คซิโด้สีดำและอีโก้ของเค้าจนถึงช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต

=================



ในฐานะที่เป็นนักดนตรีและนักแสดง อะไรคือความปรารถนาเบื้องต้นของคุณ??
"แน่ นอน ต้องเป็นการที่จะทำให้คนแปลกใจได้ครับ ไม่ว่ามันจะเป็นเพลง ภาพยนตร์ หรือ นวนิยาย ผมเรียนรู้ที่ว่าจุดมุ่งหมายสุดท้ายของศิลปะในทุกแขนงนั้นก็คือการ ทำให้ผู้คนตกใจ และผมก็ยังเชื่ออยู่แบบนั้นจนกระทั่งบัดนี้ หากผมไม่ได้มีจุดมุ่งหมายนี้ผมคงไม่สามารถที่จะอดทนต่อกระบวนการที่แสนจะ ลำบากมาตั้งแต่เด็กจนถึงทุกวันนี้ได้หรอกครับ ผมหวังว่านี่จะไม่ทำให้ผมได้เจอกับคำที่ว่าหลงตัวเองมากเกินไป นะครับ แต่ถ้าหากผมจะต้องอธิบายถึงความโลภที่แท้จริงของตัวเอง แล้วละก็ เมื่อผ่านไปหลายๆปี ผมอยากจะได้ยินผู้คน พูดกันว่า นี่มันเป็นเด็ก" รุ่นสมัย บิกแบง" ผมต้องการที่จะได้รับสมญานามเหมือนกับว่า " นี่มันรุ่นสมัยบีเทิล" หรือนี่มันยุคที่ก่อน หรือหลัง rolling stone หากจะพุดให้ถ่อมตัวหน่อยก็คือ ผมอยากที่จะให้บิกแบง แม้ว่าจะไม่ได้ขึ้นเวทีมานานแต่พอเวลาผ่านไปผู้คนก็ยังฟังเพลงของเราและเรา ยังคงเป็นแรงบันดาลใจอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาแบบนั้น


คุณคิดว่าคุณจะเป็นผู้ชายแบบไหนในช่วงอายุ 30 และ 40??

"ความ ชอบ บุคคลิก และตัวตนภายในของผมคงเปลี่ยนไปเยอะครับถ้าเทียบกับช่วงเป็นวัยรุ่น แต่สิ่งที่จะไม่เปลี่ยนไปอย่างแน่นอนคือ อายุสภาวะทางอารมณ์ของผมครับ (หัวเราะ) นี่อาจจะเป็นเพราะว่าผมมักจะพยายามที่จะรักษาความไร้เดียงสาบริสุทธิ์ของตัว เองเอาไว้แม้ว่าจะอยู่ในสังคมที่ยุ่งและอยู่ในโลกที่เต็มที่ในแบบคนดังเช่น นี้ โดยเฉพาะในอาชีพนี้เรื่องของแรงบันดาลใจนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ การรักษาไว้ซึ่ง "อารมณ์ที่บริสุทธิ์" เป็นความท้าทายที่จำเป็น และในทุกกรณีนะครับ ผมไม่ใช่นักธุรกิจแน่ๆ "

"ในช่วงที่ผมผ่านช่วง อายุ 30 และเข้าสู่วัย 40 ผมมั่นใจว่าผมต้องสุขุมขึ้นและเป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่านี้ครับ แต่ตัวตนของ ท็อป ผู้ที่พยายามอย่างมากให้ผลลัพท์ของทุกอย่างออกมายอดเยี่ยม ด้วยทัศนคติที่เจอทั้งการควบคุมที่เคร่งครัดและอิสระที่ไม่มีความมั่นคง คนนี้จะไม่มีวันตาย ครับ ผมต้องการจริงๆให้มันอยู่เป็นอมตะ "

Source: arenakorea
Eng Translation: seungie@tumblr (Please re-blog if you're on tumblr^^)
Thai Translation by undercover @ Vipp @ Choitopthailand

0 comments:

แสดงความคิดเห็น