Flag Counter

free counters

วันพุธที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2554

[Trans] TOP กับเรื่องราวการถ่ายแบบกับ Elle



เรื่องราวนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับความรักระหว่างผู้ชายคนนึงกับผู้หญิงคนนึง เป็นเรื่องที่แสนเซ็กซี่
มีฝ่ายชายคือ ท็อป และฝ่ายหญิงคือ lee mi sook
หัวใจของคุณจะต้องเต้นเร็วขึ้นเมื่อเผลอแอบไปมองเรื่องราวชีวิตรักของพวกเค้า


Lee mi sook นั้น น่ารักมาก ( จริงๆแล้ว คำว่า "น่ารัก" ยังคงไม่เพียงพอที่จะจับเอาความงาม เสน่ห์ และ รัศมีของเธอได้หมด) จนเราไม่อยากจะเชื่อในอายุของเธอ ส่วนท็อปก็เป็นผู้ชายที่มีสายตาลึกซึ้งและแข็งแกร่งขึ้นในทุกๆครั้งที่เรา เจอเค้า

ทั้งคู่ต่างไม่ลังเลที่จะสานสายสัมพันธ์กันแม้ว่าพวกเค้าจะ เพิ่งเคยพบกันเป็นครั้งแรกกับการถ่ายทำนี้ที่ Elle การถ่ายภาพจบลงเมื่อเวลาผ่านไปกว่า 6 ชั่วโมง จากนั้นห้องสวีทที่ใช้ถ่ายทำก็ สงบลง จากนั้นเค้าทั้งสองต่างนั่งเผชิญหน้า พูดคุยกันระหว่างผู้ชายคนนึงและผู้หญิงคนนึง เกี่ยวกับชีวิต ความรัก และการแสดง ซึ่ง Elle ก็รับฟังแต่โดยดี



LMS: ฉันคิดว่ามีแต่ฉันคนเดียวที่กำลังแสดงอยู่ แต่พอมองเข้าไปในจอมอติเตอร์ ฉันก็เห็นว่า ท็อป คุณก็กำลังแสดงเหมือนกัน ฉันชอบที่เรื่องราวโดยรวมนี้มันให้ความรู้สึกของเรื่องจริงปนอยู่ด้วย

TOP: ตลอดทางที่จะมาทำงานนี้ ผมกำลังสงสัยว่าจะการพบกันในครั้งนี้นั้นจะออกมาในรูปแบบไหน แต่สิ่งหนึ่งที่มั่นใจก็คือ มันต้องเป็นเรื่องที่แปลกใหม่แน่นอน

LMS: ฉันคิดว่ารูปแบบนั้นจะถูกวาดออกมาในทิศทางไหนดี เพราะมันคือความสัมพันธ์ระหว่างคนที่มีอายุต่างกันมาก แต่ฉันคิดว่ามันจะต้องเต็มไปด้วยความรู้สึกระหว่างชายหญิงออกมาแน่นอน อย่างรูปลักษณ์โครงร่างภายนอกของทั้ง ฝ่ายชายและฝ่ายหญิง และความรู้สึกลึกๆของพวกเค้า แล้วดูจากงานที่คุณได้ทำออกมา ฉันเห็นว่าคุณก็ไม่ได้ดูเด็ก แต่คุณเผชิญหน้ากับเรื่องราว และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมในวันนี้ คุณดูเหมือนกับชายคนนึงที่เป็นของผู้หญิงคนนึง เท่านั้น

TOP: เราไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่ในระหว่างการถ่ายทำ แต่ผมคิดว่า ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับพลังงานที่เราต่างก็มอบให้และได้รับซึ่งกันและกัน มันเป็นการถ่ายภาพที่ผมไม่สามารถจะทำได้คนเดียว ผมรู้สึกถึงเสน่ห์ที่แสนเซ็กซี่ที่ท่วมท้นออกมาตลอดเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน ครับ ผมค่อนข้างจะเป็นกังวล เพราะตอนนี้ผมเป็นหวัดค่อนข้างรุนแรง และผมไม่อยากให้คุณมาติดหวัดจากผม 555

LMS: ดูพูดสิ คำพูดนี้เหมือนกับผู้ชายเค้าพูดกันจริงๆเลยใช่ไม๊??? ช่างเป็นคนที่นึกถึงคนอื่นอย่างมากเลยนะค่ะ คุณเป็นชายในอุดมคติของฉันจริงๆ 555555 ไม่ว่าในกรณีไหนก็ตาม ฉันเชื่อว่าสำหรับตัวเองแล้วไม่มีคำว่าขอบเขต มันคงจะต้องเศร้ามากถ้าฉันจำกัดขอบเขตให้กับตัวเองไม่ว่ามันจะเป็นเรื่อง จริงหรือไม่ก็ตาม มันไม่มีเป้าหมายแน่ชัดที่จะต้องใช้ชีวิตในแบบไหน ดังนั้นเรื่องราวความรักในรูปแบบนี้ ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ ฉันมักจะตกหลุมรักเสมอและโหยหารอคอยความรัก ทุกอย่างย่อมเป็นได้ มันเป็นแบบนั้นแหละ แต่มันยากที่จะทำ เท่านั้นเอง

TOP: จริงๆมันก็เป็นแบบนั้นแหละฮะ ถ้าเราลองทำให้การตัดสินใจแคบลงมาสิ่งที่เราคิดมันก็คือ ความสัมพันธ์ที่สุดแสนจะธรมดาและปกติ และเราได้ข้ามเส้นกรอบเข้ามา ผู้คนมักจะพูดว่า " นายสามารถรับมือกับมันได้แน่นะ??" แต่ผมคิดว่าคำว่า " รับมือ" มันไม่เหมาะที่จะนำมาใช้ในเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง ผมไม่สนอะไรทั้งนั้นแหละฮะ พวกเค้ามักจะถามเรื่องราวเกี่ยวกับความรักในการสัมภาษณ์ ผมก็ไม่มีอะไรที่พิเศษออกไป ผมไม่สามารถที่จะตกหลุมรักได้โดยที่รักนั้นพยายามที่จะตั้งผมเอาไว้ในกรอบ และสร้างมาตรฐานให้ผม ผมต้องการที่จะเป็นคนที่ต้องการและหวังว่าจะได้รับอิสระอยู่เสมอ

LMS: ไม่นะ มันจะเกิดอะไรกับฝ่ายหญิงละค่ะถ้าคุณตัดสินใจที่จะต้องการอิสระและบอกกับ เค้าว่า " อืม มันเป็นประสบการณ์ที่ดีนะ " แต่แล้วก็หันหลังกลับและจากไป???

TOP:สิ่งที่ผมพยายามจะบอกก็คือ ถ้ามันเป็นความรักที่จริงใจต่อกันแล้ว มันก็ไม่มีอะไรที่จะมารั้งคุณไว้ได้ ครับ

LMS: คนที่ตกอยู่ในห้วงรักนั้นจะไม่มีความกลัวใดๆเลย ฉันศรัทธาและมุ่งมั่นในความรู้สึกของฉันเอง ดังนั้นอะไรที่จะมาเป็นปัญหาได้กันละ คนที่คิดว่ามันอันตราย คนที่มองมาด้วยสายตาที่เห็นว่ามันไม่ปลอดภัยก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนอื่นเสมอ มันไม่ใช่ตัวของความสัมพันธ์เองหรอกที่ยาก แต่การที่จะเอาชนะสิ่งแวดล้อมต่างๆๆนั่นแหละที่ยาก เพราะว่าในสังคมเกาหลีนั้นยังคงมีความเชื่อที่ถูกปลูกฝังไว้มานาน เราจะได้มาพบกันก็ต่อเมื่อเราได้ตั้งกรอบและข้อสรุปเกี่ยวกับความสัมพันธ์ ครั้งนี้เอาไว้แล้วเท่านั้น มันไม่เป็นการกดขี่ไปหน่อยเหรอค่ะ?? การที่เราเริ่มต้นความรักด้วยการกดขี่อีกฝ่าย ถ้าเราไม่ทำตามนี้ก็ถือว่า รักของเราเป็นรักที่ต้องห้ามเหรอ??
แม้ว่าจะมีคู่รักหลายคู่ในทุกวันนี้ที่มีอายุห่างกันมาก แต่มันก็ยังมีการจำกัดความห่างของอายุนั้นอยู่ดี
ฉันหวังว่าสังคมของเราจะพัฒนาและทันสมัยมากขึ้นค่ะ

TOP: ในทางกลับกัน บางครั้งผมก็มีความคิดว่า บางทีเราควรจะต้องเก็บซ่อนความสัมพันธ์ในครั้งนี้เอาไว้เพื่อเห็นแก่คนอื่น มากกว่าที่เปิดเผยออกไป เพราะผมคิดว่าการที่เอาแต่ติดอยู่กับอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองนั้นเป้นการ เห็นแก่ตัว

LMS: ฉันเกลียดที่จะต้องอยู่ภายใต้การกดขี่ แต่ถึงอย่างงั้นก็เถอะ ฉันอาจจะเป็นอีกคนที่มีความขี้ขลาดก็เป็นได้ ฉัน้ต้องการจะบอกว่า ฉันสามารถที่จะมีความสัมพันธ์ในแบบไหนก็ได้ โดยที่ไม่มีความกลัวใดๆ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าฉันต้องตกอยู่ในความสัมพันธ์แบบนั้นจริงๆ ฉันคิดว่าฉันก็คงจะลังเล และมันคงจะต้องอยู่ในความคิดของฉันตลอดเวลา ฉันเดาว่ามันคงต้องออกมาในรูปแบบนั้นแน่ๆ ชีวิตนี้สั้นนัก มันผ่านมาเหมือนสายลม แต่จะอีกนานแค่ไหนที่เราจะต้องถูกขังอยู่ในวิถีชีวิตที่เหมือนถูกเคาะออกมา จากหนังสือแบบเรียนการใช้ชีวิตกันละ??



TOP: ผมไม่คิดว่ามันควรจะมีประโยคที่ว่า " ตอนนี้มีคู่รักหลายคู่ในประเทศของเราที่มีอายุห่างกันมาก" หรือ " มันมีความรักรูปแบบนี้อยู่นะ" ผมเชื่อว่าขอบเขตของความรักมันจะต้องกว้างขึ้น สิ่งที่เราจะต้องทำคือ ขอให้ทำความเข้าใจเมื่อมีคนมาบอกว่า " ฉันรักคนคนนี้" และอย่าเอามันมาเป็นหัวข้อที่จะวิจารณ์หรือตัดสินคนคนนั้น


LMS: แต่ก็อีกนะ คุณคงอดคิดไม่ได้จริงๆว่า " ความสัมพันธ์อย่างจริงจังในอายุขนาดนี้แล้วเนี้ยนะ??" หรือ " แต่งงานตอนอายุเท่านี้แล้วเนี่ยนะ??" การใช้ชีวิตในแบบที่ฉันต้องการ กับการทำในสิ่งที่ใครๆก็ทำกัน ทั้งสองอย่างนี้ล้วนอยู่ในใจฉันทั้งคู่ ดังนั้นควรจะหาจุดศูนย์กลางของชีวิตเราที่ไม่ใช่เรื่องการออกเดทหรือการแต่ง งานให้ได้ก่อน แล้วเรื่องของความสัมพันธ์ก็อาจจะไปได้ก็ได้
ฉันพยายามที่จะบอกว่า การที่จะต้องรู้จักว่าตัวเองเป็นยังไงจะช่วยคุณในเรื่องของสัมพันธภาพได้

TOP: ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องการแต่งงานเลย ไม่เคยมีแม้แต่ครั้งเดียวที่ผมจินตนาการว่าตัวเองแต่งงาน ผมมองว่ามันเป็นเรื่องของอนาคตที่ไกลมาก ซึ่งก่อนที่จะไปถึงตรงนั้นผมคิดว่ามันสำคัญมากสำหรับผมที่จะต้องกลายเป็นคน ที่พร้อมอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง งาน ชีวิต การตั้งความคิด ปรัชญาในการดำรงชีวิต ทุกอย่างอะครับ ผมเห็นด้วยนะที่คุณบอกว่า เราต้องหาจุดศูนย์กลางในชีวิตของเราให้ได้และตัดสินใจด้วยตัวเอง

LMS: มันไม่จำเป็นเลยที่จะต้องมาทำให้เรื่องราวชีวิตส่วนตัวของคุณไปเป็นเหมือน ละคร เพราะคุณก็เป็นนักแสดงอยู่แล้ว แต่ฉันเชื่อว่าคุณสามารถที่ทำให้ความคิดของคุณเป็นเหมือนละครได้ เพราะ จริงๆแล้วคุณไม่สามารถใช้ชีวิตเหมือนในบทบาทที่คุณได้รับมาได้หรอก แต่คุณยังสามารถที่จะทำแบบนั้นได้ในความคิดของคุณ

TOP: ผมคิดว่าผมเข้าใจสิ่งที่คุณพูดมานะครับ เมื่อผมได้รับบทบาทบทใดบทหนึ่งมา ผมก็จะโยนตัวตนของตัวเองออกไป และพยายามอย่างมากที่จะเป็นคนคนใหม่ ผมไม่ใช่นักแสดงมืออาชีพดังนั้นการที่จะแกล้งแสดงแบบผ่านๆไปนั้นเป็นไปไม่ ได้เลย ผมไม่ชอบความรู้สึกที่ว่าผมพยายามแสดงมากเกินไป หรือ ความรู้สึกที่ผมพยายามที่จะจับเสือมือเปล่า มันจะดีกว่าที่จะอยู่เฉยๆ หากอารมณ์มันยังไม่มา ผมก็จะไม่พยายามที่จะสร้างอะไรขึ้นมาเองหรอกครับ

LMS: เป็นความคิดที่ดีนะค่ะ เพราะช่วงเวลาที่คุณพยายามที่จะสร้างมันขึ้นมาเอง ความบริสุทธิ์ทั้งหลายมันจะถูกทำลายไปและคุณก็จะติดอยู่กับการทำตามความเคย ชิน ฉันเชื่อว่า ในเรื่องของชีวิตและเรื่องของความรักก็เช่นเดียวกัน งั้นคุณเห็นด้วยไม๊ว่าในท้ายสุดแล้ว มันจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดหากคุณจะใช้ชีวิตไปตามทางที่คุณต้องการ??

Source: elle atzine
Eng Translation: seungie
Thai Translation by undercover @ VIPP @ Choitopthailand

0 comments:

แสดงความคิดเห็น