Flag Counter

free counters

วันพุธที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2554

[Trans] สัมภาษณ์ TOP กับ 10asia

10: ผมกำลังสัมภาษณ์คุณในวันคริสมาส (หัวเราะ) คุณต้องเหนื่อยแล้วแน่ๆจากคอนเสริทเมื่อวาน และยังมีผมมารบกวนคุณอีกวันนี้
ท๊อป: อ๋อ ไม่เป็นไรครับ (หัวเราะ) แล้วคุณคิดยังไงกับการแสดงของเราครับ

10: ผมได้ลงภาพบนทวิสเตอร์จากคอนเสริทของคุณ และมีบางคนที่ตามผมในทวิสเตอร์ บอกว่าผมเห็นแก่ตัวที่สนุกสนานอยู่คนเดียว (หัวเราะ)
ท็อป: ผมว่า ผมต้องพูดว่า ขอบคุณมากนะครับที่คิดไปในทางนั้นสำหรับคอนเสริทของพวกเรา (หัวเราะ) ตอนที่มีงานคอนเสริท อาจจะมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นได้ อย่างเช่น ปัญหาเครื่องเสียง แต่มันก็คือหน้าที่ของพวกเราที่จะทำให้ได้ดีที่สุดเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ ยากลำบากครับ และผมก็ต้องขอบคุณทุกคนที่อยู่ที่นั้นกับพวกเรา พร้อมกับให้ความสนุกสนานไปกับเราอย่างเต็มที่ครับ มันก็นานมาแล้วเมื่อตอนที่เราออกรายการแสดง แต่ผมกลับรู้สึกมีกำลังใจ และมีความสุขกับการแสดง ขอบคุณถึงการคิดพิจารณา และการเตรียมเวทีที่ดีๆให้เราครับ

10: การแสดงของคุณดูเหมือนจะต่างไปจากเมื่อก่อน อย่างเช่น ตอนคุณอยู่ที่ YG Family concert จู่ๆคุณก็ปรากฏอยู่ตอนหน้าแฟนๆ บนเวที พร้อมกับยื่นหน้าไปตรงหน้าของพวกเขา และเริ่มร้องแร๊ป
ท็อป: จริงๆแล้วมันไม่ใช้ว่าการคิดพิจารณาไว้ก่อนเวลา หรือ อะไรก็ตาม แต่ในขณะที่ผมกับจีดราก้อนแสดงอยู่นั้น พวกเราจะมีภาพอยูในหัวไว้แล้ว และสิ่งเล็กน้อยๆที่เกิดขึ้น ก็คือการ แสดงโดยไม่ได้เตรียมมาก่อน ผมคิดว่ามันคือพลังที่เกิดขึ้นมาเพื่อเพิ่มความดึงดูดของประเภทธุรกิจการ แสดงในขณะโชว์จากไม่กี่ปีที่ผ่านมา ก็เหมือนกับการแสดงอารมณ์ที่เราปล่อยออกมาจากความรู้สึกที่ได้จากเพลงของพวก เรา ไม่ใช่อะไรที่จัดการไว้แล้ว ผมเชื่อว่ามันคือความมั่นใจของพวกเราครับ

10: คุณดูเหมือนจะคลายความมั่นใจมากขึ้น ทั้งในอัลบั้มใหม่และวิถีทางบนเวที และยังมีอะไรที่แตกต่างจากความผ่อนคลาย ที่เราได้รับจากการแต่งหน้าแบบsmokyของคุณ ในเพลง "Knockout" ซึ่งมันน่าสนใจมาก มีอะไรเสริมเป็นพิเศษในเปลี่ยนแปลงนี้มั้ยครับ
ท็อป: มันเป็นเรื่องของการตั้งคำถามให้กับตัวเองในไม่กี่ปีที่ผ่านมามากกว่าครับ สมัยก่อนผมสงสัยว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ และมีตอนที่มันเป็นภาระกับผมอย่างมาก ทิ้งไว้กับผมให้คิดว่า เมื่อตอนที่ผมทำบางอย่าง บางทีมันก็มากเกินไปสำหรับผม แต่เมื่อผมโตขึ้น ผมก็เปลี่ยนคำถามมาเป็น "ผู้คนต้องการอะไรจากผม"

10: คำตอบนี้มากจากความมั่นใจของคุณเลยหรือป่าวครับ
ท็อป: แล้วผู้คนไม่ได้ต้องการที่จะได้ประสบการณ์ความพอใจจากผม หรือความมั่นใจเวลาแสดงหรอกหรอครับ ผมคิดว่ามันเป็นเหตุผลส่วนหนึ่ง ของการแร็ปของผมที่เริ่มมีในเนื่อเพลง อย่าง"Turn It up" และก็เหมือนกับในอัลบัม ไม่ใช้แค่ทำอะไรที่ดูเกินจริง/จินตนาการ หรือ การแกล้งตั้งใจทำบางสิ่ง แม้ว่าผมจะใส่ได้ลงไปเล็กน้อย แต่ผมก็หวังว่าผู้ฟังเพลงของผมจะมีความเชื่อมั่นให้กับตัวเอง ดั่งเช่นที่ผมมีให้กับงานของผม ผมไม่มั่นใจว่าผู้ฟังจะได้รับมันไปหรือป่าว แต่ผมใส่มันลงไปมากพอในเนื้อเพลงนั้น

10: นั้นมันคือเหตุผมที่คุณเริ่มที่จะแชร์ชื่อของคุณพร้อมกับศิลปินชื่อดังต่างๆ ดังนั้น ก็จึงทำให้ชื่อคุณเป็นแบรนดังเช่นกัน และดูเหมือนว่าคุณพูดในแบบที่ ไปสู่คนที่เฝ้าดูคุณ "คุณจะเอาผมไปได้ตามสบาย ก็ผมนี้เหละ"
ท็อป: ผมเริ่มที่จะมีความชัดเจน/กล้าหาญ มาเล็กน้อย จริงๆแล้วตัวผม ถ้ามีความเป็นนักคิดที่มากกว่านั้น ความห่วงใยเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ และระมัดระวังเรื่องอะไรแบบนั้น แต่เมื่อมานึกถึงในสิ่งที่ผู้คนต้องการ และอะไรคือสิ่งที่ควรจะทำ ผมเลือกที่จะทำแบบนี้ เพราะเป็นอะไรที่สดใหม่มากกว่า ผมแค่หวังว่าคนที่รู้สึกไม่ดีแต่เมื่อมาฟังเพลงของผมแล้วทำให้รู้สึกดีขึ้น ถึงแม้ว่านี้จะเป็นการแสดงจากผมทั้งหมด หรือไม่ก็ตามแต่ ผมหวังว่าดนตรีของผมจะเข้าถึงคนฟังได้อย่างผ่อนคลาย หวังว่านี้ไม่ใช้คำสั่งที่มากไปนะครับ (หัวเราะ) ผมก็แค่อยากจะสื่ออารมณ์ของผมอย่างจริงใจสักครั้งหนึ่ง และผมก็เชื่อว่ามันเป็นหนึ่งทางที่ผมสามารถสงผ่านมันออกมาได้ครับ

10: คุณเคยที่จะแสดงความประทับใจที่มาจากข้างในของคุณออกไป แต่ตอนนี้คุณเริ่มที่จะนึกถึงอิทธิพลของตัวคุณถึงผู้อื่น แล้วมันแปลเปลี่ยนมาเป็นแบบนี้ได้เช่นไรครับ

ท็อป: ผมคิดว่าผมเริ่มที่จะคิดในแบบกว้างๆเกี่ยวกับโลกที่ผมอยู่ โลกเราเป็นดั่งที่อึกทึกครึกโครม และทุกวันนี้ยังมีผู้คนอีกมากที่ต้องผ่านเวลาช่วงยากลำบาก ยากที่จะหาพลังงานมาเสริม และเหลาผู้คนที่ดีกับผมมากๆ บิ๊กแบง หรืออย่างน้อยก็ผู้คนที่ฟังเพลงของเรา ผมอยากให้พวกเขามีช่วงเวลาดีๆไปกับการฟังเพลงของพวกเรา มันทำให้ผมต้องการที่จะเปิดทางช่วงเวลาแห่งความสุขในวงเวียนหลายๆรอบ

10: นั้นคือปัญญานึกคิดที่ได้มาจากการรับรู้ที่คุณอยู่ในฐานะนักร้องหรอครับ แล้วถ้าคุณอยากที่จะทำอะไรเพื่อคนอื่น คุณจะต้องเตรียมความพร้อมให้กับตนเองที่จะต้องรับภาระหน้าที่ ที่ไม่ใช้เล็กๆ
ท็อป: ผมเคยรู้สึกไม่ชอบ และ เห็นว่ามันเป็นภาระ ที่ได้ความรักและความสนใจจากผู้คนในสมัยก่อน ผมไม่สามารถแม้กระทั่งปรับตัวเข้ากับมันได้ แต่หลังจากที่ผมปล่อยความโลภไป ผมเริ่มที่จะรู้สึกดีกับมัน ความคะเยอทะยานในดนตรีของผม และความคิดที่จะทำบางสิ่งบางอย่างกับเพลงของผมที่เคยหลอกหลอนผมได้จางหายไป แต่ก่อนในเวลาที่ผมปล่อยเพลง ผมจำได้ว่าผมเคยบอกว่า "หวังว่าทุกคนจะชอบนะครับ" แต่ตอนนี้มันไม่สำคัญแล้ว ถ้าผู้คนจะไม่คาดหวังอะไรมาก แทนที่จะมาคิดว่าผมควรจะเป็นคนที่สามารถขยายความคาดการณ์จากคนอื่นได้ ผมต้องการที่จะให้ในสิ่งที่ผมได้รับให้มากที่สุด ผมกระตุ้นตนเองให้ทำงานหนักและศึกษาในเรื่องของดนตรีให้ได้มากที่สุด และยังมีอีกหลายสิ่งที่ผมอยากให้ได้เห็นครับ

10: นี้เป็นการเชื่อมโยงถึงสถานการณ์การปัจจุบันหรือป่าวครับ คุณเคยได้ไปเล่นหนัง แต่แล้วคุณก็กลับมาออก อัลบัมในหนเดียว
ท็อป: ตอนที่ผมเสร็จจากถ่ายหนัง Into The Fire จีดราก้อนก็อยู่ในช่วงกลางๆของการทำอัลบัมแล้ว และผมก็กลับไปสู่ตำแหน่งเดิมในวงบิ๊กแบง วงการเพลงได้เปลี่ยนไปมากครับ คนสำคัญออกจากวงการ และอีกหลายสิ่ง ตั้งแต่ผมห่างจากสิ่งนั้นมา ผมก็ลื่นไหลไปกลับบางสิ่งที่ทำให้ผมก้าวไปข้างหลัง และจัดการกับความคิดชะใหม่หมด

10: วิธีที่คุณสื่อผ่านออกมาดูเหมือนจะเปลื่ยนไปมาก ก่อนหน้านั้น คุณพูดเหมือนกับว่าคุณ เผยความเป็นคุณออกมา แต่กลับอัลบั้มที่ออกมาใหม่ คุณเชีอมโยงตนเองว่า "ใครบางคนที่พบเจอได้แค่ในลำโพง หรือ หูฟัง" นี้คุณได้สร้างตัวละครของคุณขึ้นมาหรือป่าว
ท็อป: ใช้ครับ พวกเราได้ไปถึงจุดยืนนั้นก่อนที่ บุคคลสำคัญหลายๆท่านจะเปรียบเทียบอายุของพวกเรา แน่นอนครับว่าเราได้รับทั้งคำชมเชยหรือการวิภาพวิจารณ์ในแง่ลบ แต่หลังจากที่ผ่านมาแล้วครั้งแล้วครั้งเหล่า ผมก็เริ่มเบื่อหน่าย ผมแค่อยากที่จะรักษาระยะห่างให้แน่นอนจากผู้คน และอยากที่จะโชว์ตัวเองในเวทีและในดนตรีอย่างเดียวเท่านั้น แต่แล้ว นับตั้งแต่ที่ความสนองความพอใจของผู้ฟัง กลายมาเป็นสิ่งแรกที่ควรจะนึกถึง ในการที่จะทำอย่างไร เพิ่อให้สอดคล้องกันดีที่สุดในการทำอัลบัมใหม่ครับ

10: คุณเป็นไปในทางทฤษฎีที่ ซึ่งไม่แท้จริง ใช้หรือป่าวครับ สมาชิกวงบิ๊กแบงก็ไม่ได้ปกติเรียบๆไปทั้งหมด
ท็อป: ผมก็คิดเช่นนั้นครับ บางเวลาที่ผมดื่มกับจีดราก้อน เราก็รู้สึกดีในสิ่งที่เราได้รับในทุกๆวันนี้แต่ในเวลาเดียวกันพวกเรากลับ เหงา ถึงแม้ว่าจะมีหลายสิ่งที่ยากจะรับมือ ณ อายุของพวกเรา และ บางสิ่งที่เราได้พลาดไป แต่เราก็ประสบผลสำเร็จในแบบที่มากพอ มันทำให้พวกเราคิดว่า พวกเราอยู่ในโลกของความฝัน บางครั้งเราก็มีปัญหากับการระบุว่าอันไหนความฝันอันไหนเรื่องจริงครับ

10: มันต้องเป็นอะไรที่น่ากลัว เพราะต้องอดทนรับคำตัดสินจากผู้อื่น และจะต้องโดนบังคับให้ตั้งใจคิดโน้มเอียงไปในทางธุรกิจตลอดเวลา ในขณะที่คุณทำสิ่งที่เป็นทางของคุณอยู่จริงมั้ยครับ

ท็อป: ผมก็คิดถึงสิ่งนั้นอยู่ตลอดนะครับ แต่ผมคิดว่าผมเข้าใกล้กับคำตอบของมันแล้ว ในเรื่องของแนวดนตรี แทนที่จะมาคิดว่า "แนวเพลงแบบไหนที่คนชื่นชอบ หรือ เทรนไหนที่เราต้องตามดี" ผมเชื่อว่าผมควรจะทำในสิ่งที่ผมอยากจะทำมากกว่าครับ และ ลองทำสิ่งใหม่ๆที่ยังไม่เคยทำแต่ก็จะไม่ให้มากไปครับ ผมมีผู้เชี่ยวชาญดีเยี่ยมกับบุคคลคนที่สามารถตำหนิผมเพื่อแก้ไข ถ้าหากมันเกิดขึ้น ดังนั้นก็ควรจะวางศรัทธาของผมไว้ที่พวกเขา ผมต้องการที่จะลุล่วงในสิ่งใหม่ๆ และถ้ามันไม่ชัดเจน อย่างน้อยก็ให้ขอให้ความชัดเจนมันตรงไปที่การทำงานเพลงของผมครับ

10:เกาหลี ไม่ใช่สถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับคนมีชื่อเสียงอาศัยอยู่ ดังนั้นด้วยวิธีใดก็ตามแต่ คุณดูเหมือนว่าคุณสามารถเข้าถึงการบรรลุนิพาน ด้วยตัวของคุณเองดังเช่นจีดราก้อนใช่หรือป่าวครับ

ท็อป: ใช่ครับผมบรรลุนิพพาน (หัวเราะ) แค่มุขนะครับ ผมเพิ่งกล้าที่จะปลดปล่อยตัวเองไป (หัวเราะ) ผมทราบดีครับว่ามีคนจับตาดูผมและบิ๊กแบง กับการมีอคติบางอย่าง แต่มันก็ไม่ได้มีความหมายอะไร การวิภาพวิจารณ์ของพวกเขาก็คือการผลักดันเพื่อการพัฒนาของพวกเราต่อไป เรื่อยๆ แต่ผมก็ไม่ได้หมายความว่าผมสนุกไปกับคอมเม้นบนอินเตอร์เน๊ตที่ไม่ดีนะครับ แต่เราพยายามทำให้ดีที่สุดแม้ว่ามันจะยากลำบากเนื่องมาจากความเข้าใจผิด โดยส่วยตัวของผมแล้ว ผมคิดว่าส่วนที่ดีที่สุดของบิ๊กแบงคือพยายามสนุกสนานไปกับมัน ไม่ใช่เพราะพวกเขา แต่เราต้องการบางอย่างที่เรียบง่าย เล่นหรือสนุกสนานกับวิถีทางการของมัน และนั่นซึ่งกลายมาเป็นความเข้มแข็งที่ใหญ่ที่สุดของพวกเรา

10: เนื้อเพลงที่คุณได้แต่งขึ้นในอัลบัมล่าสุดนี้ ดูเหมือนว่ามันจะดูมีเอกลักษณ์มากเลยทีเดียว แร๊ปเปอร์ก็คือคนที่มีนิสัยไม่เหมือนใคร ต้องการจะบอกในสิ่งที่พวกเขาอยากจะโชว์บอกกล่าวถึงตัวเองในแบบที่มั่นใจ

ท็อป: เมื่อตอนที่ผมตัดสินใจทำงานร่วมกับจีดราก้อน เรื่องแรกที่เราคุยกันคือ การเขียนเนื้อเพลงที่เราสามารถเขียนได้เท่านั้น เราได้ผ่านการรับความคาดหวัง และการวิภาพวิจารณ์มามากตั้งแต่ยังเด็ก ท่ามกลางระหว่างนั้น เราต้องการที่จะเขียนเรื่องราวเป็นเนื้อเพลงเกี่ยวกับตัวเรา บางคนก็อาจมองได้อย่างง่ายๆว่ามันเป็นเพียงเรื่องราวของตัวเราเองแค่นั้น แต่ที่เราต้องการจริงๆคือ การเขียนเพลงที่สามารถท้าทายคำวิจารณ์ ดั่งเป็นความคิด เมื่อวิเคราะห์มันด้วยถ้อยคำโดยการถ่ายถอดออกมา ประมาณมานว่า "นี้แหละคือสิ่งที่เราทำขึ้นมา คุณเป็นใครกัน ที่จะมาดูหมิ่นเรา"

10: นั้นมันคือเพลง "Intro" ที่ให้ความรู้สึกเช่นนั้น ชาวน์ดนตรีใกล้เคียงกับ old school hip hop แล้วดังนั้นมันเหมือนกับร้องแร็ปในสมัยเรียนหรือป่าวครับ
ท็อป: ใช้ครับ มันเป็นการแสดงให้เห็นถึงการแร็ปแบบ Oldschool Hip Hop ผมต้องการสื่อให้เห็นจุดเริ่มต้นของจีดราก้อนและดนตรีของผม และในเวลาเดียวกัน ผมต้องการที่จะถามว่าการแร็ปแบบไหนที่ควรจะให้การพิจารณาอย่างจริงจัง ดั่งเช่น ที่ผมเผยถึงเรื่องราวของผมและพรีเซ้นในแบบของผม

10: แล้ว "Oh Mom" นี้สื่อออกมาเช่นนั้นหรือป่าวครับ ซึ่งต่างจากเพลงอื่นๆที่คุณทำร่วมกับจีดราก้อน ที่บอกถึงเรื่องราวที่มาจากข้างในของตัวบุคคล แทนที่จะเป็นมุมมองของอีกคนหนึ่งว่าคิดอย่างไร

ท็อป: "Oh Mom" มาจากเรื่องจริงครับ แต่ผมก็ไม่สามารถบอกถึงรายละเอียดได้ แต่โดยแท้จริงแล้ว มันคือจดหมายของผมที่ส่งถึงเพื่อนคนหนึ่งที่ป่วยสาหัส และนั้นเป็นสิ่งที่มีความหมายมากที่สุดจากส่วนหนึ่งของชีวิตผม เพลงนั้นไม่ได้วางแผนไว้ว่าจะอยู่ในอัลบัม แต่ได้รวมลงไปเนื่องจาก ผมต้องการจะอยู่ที่ตรงนั้นจริงๆครับ (คงหมายถึงเหตุการณ์ตอนนั้นอะค่ะ)

10: "Oh Mom" ถูกแต่งให้เป็นเพลง ร็อค และมีเสียงกลองที่หนักเหมือนกับมีการแสดงสดจริงๆ มีเหตุผมอะไรเป็นพิเศษมั้ยครับที่เลือกให้มันเป็นแบบนั้น คุณสามารถสัมผัสกันจังหวะดนตรีที่มันแตกต่างกันได้อย่างไร
ท็อป: ผมต้องการให้มันไปในแบบที่มีอนาล๊อกสไตล์นิดหน่อยครับ หรือจะเรียกอีกอย่างว่า บางอย่างที่ให้ความอบอุ่น ทุกวันนี้กระแสของวงการเพลงเปลื่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และมีเพลงที่ไม่น้อยถูกลืมได้อย่างรวดเร็ว และ ณ จุดนั้นเหมือนกับว่าผู้คนเริ่มเบื่อหน่ายกับเพลงเหลานั้น กล่าวถึงแนวเพลงอิเล็กทรอนิค ก็เป็นอะไรที่มีความสนุกสนานในการฟัง แต่เมื่อได้เรียนรู้กับมันมากพอแล้วก็จะตกกระแสได้เช่นกัน ดังนั้นถ้าไม่ใช่ผม ที่เป็นมากกว่าจุดประสงค์ของแฟนๆ ผมต้องการบางอย่าที่ต่อเนื่องกัน และอีกอย่าง ผมกับจีดราก้อนก็เริ่มที่จะสนใจเพลง ร็อค การแร็ปของเราจึงเปลียนไปเล็กน้อย ในอดีตผมพยายามที่จะโชว์ให้เห็นถึงด้านการเป็นนักคิด และ เสียงที่ดูห้าวหาญ แต่ตอนนี้ผมเพิ่มความสบายให้กับมันแล้ว บางสิ่งที่เหมือนกับไม้เนื้อแข็งที่ทำจากต้นกำเนิด (หัวเราะ)

10: ผมรู้สึกติดอกติดใจกับการแร็ปจากเพลง "Baby Good Night" เนื้อเพลงส่วนที่คุณร้อง เป็นแบบที่อยากให้โดดเด่นออกจากเสียงเพลง เพื่อควบคุมทั้งเพลงหรือป่าวครับ และนั้นเป็นการแร็ปโดยเฉพาะที่ให้ความรู้สึกละลายลงไปในเพลงให้ได้ให้มากที่ สุด และยังมีเนื้อเพลงที่เข้ากับดนตรีกับคำศัพท์ที่บอกว่า "whipping cream"

ท็อป: บางทีอาจจะเป็นเพราะว่า เราอยากที่จะสื่ออารมณ์ข้างในออกไปครับ สำหรับ "Baby Good Night" เราใส่ใจและระวังกับการปล่อยสิ่งที่กวนโทสะในเพลงเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นแล้ว ผู้ฟังจะปราศจากความกังวลเกี่ยวกับหูของพวกเขาครับ ปัจจุบันคนพูดกันว่าเพลงทุกวันนี้ยาวเกินไป ถ้ามันเกิน3นาที และ ก็เหมือนกับเพลงที่ไม่ได้เข้าถึงคุณ แต่ผมก็เชื่อว่ามีหลายเพลงที่ไม่ได้หน้าเบื่อและปราศจากการกระตุ้น ดังนั้นผมก็เลยอยากจะบอกผู้คนที่ชอบ บิ๊กแบง หรือ จีดราก้อน และผม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่อยู่ในกลุ่มวัยรุ่น และราวๆ20 ว่ามันก็มีเพลงประเภทนี้อยู่อีกเยอะเหมือนกัน แม้ว่ามันจะยาว และ ตกกระแสไปแล้ว แต่ดนตรีมันก็คือดนตรีและครับ

10: ผมคิดว่ามันเป็นประเด็นของเป้าหมายของตัวคุณ และความคิดที่จะเข้าถึงมวลชน
ท็อป: เรื่องของเพลงเป็นอะไรที่ผุดขึ้นมาอย่างสมัครใจโดยสัญชาติญาณ ที่เป็นมากกว่าการผ่านความคิดที่ซับช้อน แต่แล้วเราก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากตั้งแต่ยังเด็ก แต่ในเวลาเดียวกัน พวกเราก็ยังมีอารมณ์อ่อนไหวเหมือนกับเด็กหนุ่มที่อยากทำงานเพลง ในระหว่างการทำงานของพวกเรา เราได้ผ่านหลากหลายช่วงอารมณ์ กับการที่จะพยายามที่จะแสดงออกมาและค้นหาเป้าหมายของพวกเรา แต่เมื่อพวกเราให้ระยะห่างกับตัวเอง เพื่อคิดทบทวนเกี่ยวกับการใช้ชีวิต และดูเหมือนว่าผมจะเริ่มมองเห็นภาพรวม และมองเห็นเป้าหมายได้ชัดเจนขึ้นแล้ว นั้นเป็นเหตุผลที่ต้องการช่วยคนฟังมีความมั่นใจในเพลงของผม และกลายมาเป็นต้นกำเนิดของเรี่ยวแรงให้กับผมและพวกเขาด้วยครับ

10: ความเชื่อมั่นของคุณดูเหมือนจะแท้จริงเลยนะครับ "Knockout" มีโอกาสที่จะเป็นไปได้มั้ย (หัวเหราะ) บางที่อาจจะมีคนที่ลับมีดไว้ให้คม และพร้อมที่จะสู้กับสิ่งที่คุณทำ เมื่อตอนที่คุณและจีดราก้อนอยู่บนเวทีก็ได้นะครับ แล้วคุณจะวางแผนไว้อย่างไรครับ
ท็อป: ดาบพวกเราแหลมคมมากนะครับ (หัวเราะ)


Credit: 10.asiae.co.kr
Thaitrans: Fitty@choitopthailand.com

0 comments:

แสดงความคิดเห็น