Flag Counter

free counters

วันพุธที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2554

[Trans] สัมภาษณ์ GD จากนิตยสาร W Korea ฉบับเดือนเมษายน 2011




W: เมื่อครั้งที่คุณให้สัมภาษณ์เมื่อตอนที่คุณออกอัลบั้มเดี่ยวเมื่อ 2 ปีก่อน สิ่งที่คุณเขียนไว้คือ
" จีดราก้อนไม่ใช่ไอดอล แต่เค้าเป็นสัญลักษณ์ไปแล้ว" ในตอนที่ฉันได้มาเห็นบิกแบงในครั้งนี้
ฉันก็คิดเหมือนกับที่คุณพูดคือ พวกคุณได้ก้าวผ่านการเป็นไอดอลมาแล้ว

GD: ผมคิดว่าสิ่งที่ผู้คนมองเราและสถานะของเราจากเมื่อ 2 ปีกับอีก3 เดือนที่ผ่านมามันเปลี่ยนไปแล้ว
เรามีอายุเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ผมรู้สึกอายเล็กๆเมื่อมีคนมาเรียกว่าเป็นไอดอล
ในตอนนี้ผมคิดว่าเรากำลังอยู่ในช่วงทางเดินที่จะกลายเป็นนักดนตรี นะครับ


W: หลังจากเพลง Lies เพลงยอดฮิตที่ได้รับการต้อนรับอย่างท่วมท้น
ในการคัมแบคครั้งนี้ พวกคุณกลับทิ้งสไตล์ในแบบนั้นทิ้งไป
ในฐานะที่เป็นโปรดิวเซอร์ของอัลบั้มใหม่ครั้งนี้ คุณคิดไม๊ค่ะว่า
จะต้องทำเพลงที่มันแตกต่างไปจากสไตล์เพลงไอดอลที่คุณเคยทำมาก่อน??


GD: ผมคิดครับว่าเราจะต้องดูแตกต่างไป จริงๆเราจะเลือกทางที่ง่ายสำหรับเราก็ได้แต่ผมคิดว่าเราไม่ควรจะทำแบบนั้น
ดังนั้นเราจึงเปลี่ยนแปลงเพลงที่เรามีอย่างต่อเนื่องซึ่งมันใช้เวลานานมาก
เพลงที่ใช้โปรโมทเพลง tonight เราทำตั้งแต่เมื่อ 1ปีครึ่งที่ผ่านมาและเราใช้เวลาทั้งหมดเพื่อที่จะเปลี่ยนมัน
ในช่วงที่ผมได้หยุดพัก ผมได้ดูรายการเพลงเยอะมาก มันไม่ใช่เรื่องของสไตล์เพลงซะทีเดียว
แต่เพลงทั้งเพลงนั้น มีจังหวะที่เร็วเกินไปทั้งเพลงซึ่งมันทำให้ผมค่อนข้างผิดหวัง
ก่อนหน้านี้เวลาที่ผมฟังเพลงไหน เพลงนั้นจะกลายเป็นหนึ่งในความทรงจำของผมถึงช่วงเวลานั้นๆ
แต่เดียวนี้เพลงแต่ละเพลงไม่ได้มีกลิ่นอายให้ระลึกถึงไม่มีการทิ้งความทรงจำใดๆให้แก่ผู้ฟังเลย
ซึ่งผมอยากจะทำเพลงที่สามารถทำได้แบบนั้น ขึ้นมา เพลงที่สามารถกลายเป็นเพลงที่มีคนหลายๆคนรักมัน
และกลายเป็นความทรงจำของผู้ฟัง เป็นเพราะเราผ่านกระบวนการแบบนั้นมา ผู้คนก็จะรู้สึกเชื่อมต่อกับอัลบั้มนี้ครับ



W: ฉันคิดว่า อัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มที่ ทักษะและความสามารถส่วนตัวของสมาชิกในวงแต่ละคนปรากฏออกมาได้อย่างชัดเจนนะค่ะ
ในฐานะโปรดิวเซอร์ อะไรคือสิ่งที่คุณตั้งใจจะดึงออกมาจากตัวสมาชิกแต่ละคนค่ะ??


GD: จริงๆกับตัวผมเองก็เหมือนกับสมาชิกในวงทุกคนนะครับ ก่อนหน้านี้ ในบิกแบง จะมีคนคนนึงเป็นจุดศูนย์กลาง
แต่เมื่อสมาชิกในวงแต่ละคนต่างก้ได้ไปทำกิจกรรมในอัลบั้มเดี่ยว แน่นอนว่าทุกคนต่างก็มีเอกลักษณ์ส่วนตัวต่างกันไป
ผมคิดว่าตอนนี้เป็นเวลาที่เราทั้งห้าคนกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง เพราะเราต่างก็อยู่ในจุดสูงสุดด้วยกันทั้งนั้น
ผมร่วมงานกับพวกเค้าในฐานะที่เป็น ศิลปินร่วมงานกับศิลปินด้วยกัน ดังนั้นผมทำงานกับพวกเค้าด้วยความคิดที่ว่า
ผมจะต้องไม่ปล่อยให้ใครคนใดคนนึงจะต้องด้อยไปกว่าคนอื่นๆ จะต้องพยายามไม่ให้ในท่อนของคนใดคนนึงจะถูกกลืนหายไป
ในส่วนตัวของทุกคนแล้ว สไตล์และทักษะของแต่ละคนจะต้องมีชีวิตชีวาอยู่ในเพลง
เพื่อที่จะเราจะได้รู้สึกถึงพลังที่มาเสริมแรงซึ่งกันและกัน และเพลงทั้งเพลงจะได้ลื่นไหลไปอย่างต่อเนื่องทั้งเพลง
ผมเห็นว่าเราทำดีที่สุดแล้ว เช่น ในกรณีของแดซอง เมื่อเทียบกับสมาชิกในวงคนอื่นๆ
ผู้คนได้เห็นมามากแล้วว่าเค้าเป็นแบบไหน ดังนั้นในคราวนี้เค้าพยายามที่จะแสดงออกว่าเค้าเปลี่ยนแปลงไปจากที่คนคิด
จุดแข็งของแดซองอยู่ที่เสียงแหบๆของเค้าซึ่งมันจะเปลี่ยนไปขึ้นอยู่กับคุณจะฟังมันออกมาเป็นแบบไหน
มันสามารถที่จะเป็นเสียงที่สดใสหรือไม่ก็สามารถฟังให้เป็นเสียงของพวกผู้ชายที่เกเรได้ด้วย
ในการที่จะจับให้เสียงนี้เด่นขึ้นมา เราแก้ไขเพลง cafe หลายต่อหลายครั้ง
เพราะเราต้องการให้เพลงนี้ออกมาให้เป็นที่น่าพึงพอใจที่สุด
ดังนั้นผมจึงรู้สึกได้ว่า ท่อนของแดซองนั้นสามารถทำได้ดีจริงๆ


W: ฉันรู้สึกว่าเพลงโปรโมทคือเพลง tonight เป็นเพลงที่มีการเรียบเรียงที่ไม่ยุ่งยาก
แต่ในขณะเดียวกันคุณก็ใส่ความสนุกให้กับเพลงซึ่งดูเหมือนว่าคุณจะเตรียมการมากมายให้มันออกมาเป็นแบบนี้นะค่ะ??


GD: วิธีที่คนฟังเพลงในทุกวันนี้และการที่พวกเค้านำเอาเพลงไปทำเสียงเรียกเข้า
ทำให้เราทำเพลงออกมาให้เป็นส่วนๆที่มีเอกลักษณ์ในแต่ละส่วนนั้น ครับ
เพื่อที่คนที่ฟังเพลงเพื่อมองหาริงโทนจะไม่สามารถที่จะฟังแต่ท่อนคอรัสได้
ซึ่งผมต้องการให้คนชอบท่อนของสมาชิกในวงแต่ละท่อนด้วยเหมือนกัน
และจุดเด่นที่จะแสดงอะไรออกมาบนเวที เราจะต้องแสดงออกมาผ่านกริยาท่าทาง
ที่มันจะสะท้อนในแต่ละส่วนของเพลงออกมาได้ด้วยเช่นกัน
เมื่อมันถึงจุดที่อารมณ์ควรจะระเบิดมันก็ควรจะระเบิดและเราก็จะสร้างอารมณ์ขึ้นมาอีก
ผมอยากจะให้อารมณ์ที่จะสามารถบ่งบอกได้ว่ามันคือจุดไคลแม็กซ์ สำหรับในท่อนที่มีสียงกตาร์โปร่งขึ้นมา
เป็นเพราะผมทำคอนสริต์มาเยอะ ดังนั้นจึงได้อิทธิพลมาด้วย
ผมอยากจะสร้างการแสดงที่ยกระดับขึ้นมา และสามารถสะท้อนให้เห็นถึง
ประสบการณ์ที่ผมได้มาจากการขึ้นคอนเสิต์มาเยอะออกมาด้วยครับ


W: ในตอนที่คุณร้องเพลง duo กับท็อปในยูนิตพิเศษ ฉันมีความรู้สึกว่า
คุณพยายามที่จะแสดงออกมาว่าคุณทำเพลงเพราะมันเป็นเรื่องสนุกสำหรับคุณ
ซึ่งช่วงเวลาในการทำยูนิตพิเศษนั้นได้ผ่านไปแล้ว ส่วนไหนของคุณที่ได้เปลี่ยนแปลงไปบ้าง
ในการกลับมารวมเป็นบิกแบงอีกครั้งในตอนนี้ค่ะ ??


GD: เช่นในเพลง Knock Out นะครับ ผมต้องการที่จะทดลองเพลงในหลายๆสไตล์กับบิกแบง
เพราะผมเห็นมาแล้วว่า ขนาดเพลง Knock Out ก็สามารถที่จะเป็นเพลงที่มีคนชอบมากมายในเกาหลี
และผมก็รู้สึกได้ถึงความหวังที่ว่าบางทีวันนึงเพลงแบบนี้ก็จะกลายมาเป็นแนวเพลงที่ได้รับความนิยมในเกาหลีได้
ความขัดแย้งกันทางดนตรีนั้น เกิดขึ้นได้ง่ายมาก แต่สำหรับพวกเราแล้ว เราสามารถวางใจได้ว่า
ปัญหาความขัดแย้งแตกต่างกันในเรื่องเพลงนี้สามารถที่จะแก้ไขได้ด้วยการทำงานเดี่ยวไม่ก็ทำงานผ่านยูนิตพิเศษ
มีเพลงที่เราสามารถทำให้เป็นเพลงของบิกแบง หรือไม่ก็ทำให้มันเป็นเพลงในงานเดี่ยวก็ได้ อยู่ครับ



W: เมื่อกี้คุณได้พูดเกี่ยวกับผู้ที่ใช้โทรศัพท์มือถือออกมาด้วย คุณกำลังกังวลในเรื่องระบบของวงการในปัจจุบันนี้รึเปล่าค่ะ??
GD: เป็นเพราะ วงการนี้มันเคลื่อนไหวกันอย่างรวดเร็วมากจริงๆ
ซึ่งเมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้มันอาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับคนที่ทำงานเพลง
ถึงแม้ว่าเราจะต้องใช้เวลากว่า 2 ปีในการทำอัลบั้มนี้ออกมา แต่เมื่อเราได้ขึ้นทำการแสดงไป 3 อาทิตย์หรือหนึ่งเดือน
เราก็จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนเพลงกันอีก ถ้าไม่ทำแบบนี้มันก็ไม่มีทางให้เราโปรโมทเพลงของเราได้เลย
และนี่คือสิ่งที่ระบบกำลังเดินไปในรูปแบบนี้ ในช่วง สามอาทิตย์นี้ นักววิจารณ์จะตัดสินทุกๆอย่าง
ดังนั้นผมมั่นใจว่าแน่นอนมันจะต้องมีความรู้สึกที่ว่ามันไม่ยุติธรรมเกิดขึ้นแน่ๆ
ซึ่งมีวงไอดอลมากมายที่เอาตัวไปหวังพึ่งเพลง เพียงเพลงเดียว และพวกเค้าก็หวังที่จะไปพึ่งนักวิจารณ์อย่างมาก
และนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าพวกเค้ามีแนวโน้มที่จะล้มเหลวกันมาก และนั่นคือ ปัญหา
ซึ่งผมคิดเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้มากทีเดียวเพราะผมรู้สึกกังวลนะครับ



W: ในตอนนี้ดูคุณจะเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นกว่าในช่วงที่คุณทำอัลบั้มเดี่ยวเมื่อ 2 ก่อนซะอีกนะค่ะ คุณรู้สึกบ้างรึเปล่าค่ะ??
GD: ผมมีความรู้สึกแต่เฉพาะในเรื่องอะไรแบบนี้แหละครับซึ่งคนก็คงจะมองว่าผมเป็นคนแบบนี้ (หัวเราะ)
ผมรู้สึกว่าผมก็กังวลและมีความรู้สึกเหมือนกับคนในวัย 20 เค้าจะรู้สึกกันแหละครับ ดังนั้นผมคิดว่าผมทำดีแล้วนะครับ


W: ในอายุเท่านี้ เค้ามักจะมีการเดทเป็นกลุ่มกันบ่อยเลยใช่ไม๊ค่ะ??
GD: การออกเดทก็คือการออกเดทแหละครับ แต่เป็นเพราะผมเคยเจอความเจ็บปวดมากมายเมื่อตอนที่ผมทำงานในอัลบั้มเดี่ยว
ในตอนนี้ผมคิดว่าผมมีอิสระมากขึ้น ในตอนที่ผมทำอัลบั้มเดี่ยวผมยังเด็กกว่าในตอนนี้
ผมคิดว่ายังมีเรื่องอีกหลายเรื่องที่ผมจะต้องจัดการดูแลด้วยตัวเอง ก่อนหน้านี้ผมถือว่าเป็นช่วงที่ผมกำลังเรียนรู้
ในตอนนี้ผมรู้สึกว่าผมสามารถที่จะมีความสุขได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแสดงบนเวทีหรือการมีความสัมพันธ์กับใครซักคน


W: ในการที่ฉันจะต้องเตรียมตัวสำหรับการสัมภาษณ์ครั้งนี้ ฉันได้ฟังอัลบั้มเดี่ยวของจีดราก้อนมาด้วยและฉันคิดว่ามันดีนะค่ะ
และเป็นเพราะอัลบั้มนี้ มีกรณีพิพากมากมายทีเดียว ฉันคิดว่ามันเป็นอัลบั้มที่ได้รับความสนใจมากจริงๆในทางดนตรี


GD: จู่ๆประมาณเมื่ออาทิตย์ก่อนผมก็ได้ฟังอัลบั้มนี้ของตัวเองบนรถครับแต่ผมรู้สึกอาย (หัวเราะ)
ในช่วงเวลานั้นความมั่นใจของผม ถูกรวบรวมจับกลุ่มกันเอาไว้
ส่วนตัวแล้ว อัลบั้มนี้ผมรู้สึกว่ามันเหมือนกับเป็นบันทึกการเดินทาง เมื่อผมอยู่ในยุค 60s, 70′s
ผมสามารถที่จะย้อนกลับไปมองในอัลบั้มและเนื้อเพลงต่างๆและนึกถึงช่วงที่ผมมีความรัก
และมันสามารถแสดงออกให้เห็นถึงความคิดของผมในช่วงนั้น
ซึ่งบันทึกการเดินทางของผมคืออัลบั้มชุดแรกนี้ออกจะดูเด็กๆไปหน่อย
ซึ่งใครๆก็คงจะต้องผ่านช่วงเวลาแบบนี้เหมือนกัน แต่ผมก็ยังรู้อายอยู่ดี (หัวเราะ)
ผมคิดว่า มันจะต้องดีกว่านี้แน่ๆถ้าผมดึงเอาพลังออกมา ผมไม่รู้ว่ามันจะออกมาเป็นยังไง
แต่ในตอนนี้ผมก็เริ่มคิดเกี่ยวกับอัลบั้มเดี่ยวชุดที่สองและกำลังเตรียมตัวสำหรับมันแล้ว
บางที มันอาจจะออกมาเร็วมาก คืออาจจะออกมาในปีหน้า ก็เป็นได้นะครับ ?


Source: GD-paradise.com
Translated by: solshin3 @ 21bangs.com
Thai Translation By undercover @ VIPP @ Choitopthailand


0 comments:

แสดงความคิดเห็น