Flag Counter

free counters

วันพุธที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2554

[Trans] สัมภาษณ์ GDและท็อปจาก 10 Asia

มีคนไม่มากนักที่จะสามารถถ่ายทอดความคิดของพวกเค้าผ่านออกมาทางเสียงเพลงได้
และไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถจัดระเบียบและเรียบเรียงผลที่เกิดจากความคิด
ที่พวกเค้าได้รับจากการทำงานเพลงและพูดมันออกมาได้แต่ทั้งจีดราก้อนและท็อปเค้าทั้งคู่สามารถที่จะทำได้
พวกเค้าพูดถึงเรื่องราวของเพลงของพวกเค้าตลอดการสัมภาษณ์กับเราและพูดถึงความคิดที่พวกเค้าใส่ลงไปในงานเพลงของพวกเค้า
ไม่ว่าคุณจะมีความเห็นด้วยกับเรื่องเพลงของเค้าหรือไม่ เราขอแนะนำให้คุณลองอ่านบทสัมภาษณ์นี้ดู
เพื่อที่จะได้รู้ว่าพวกเค้าทั้งสองมีความคิดยังไงเกี่ยวกับดนตรีของพวกเค้า

และนี่คือเรื่องราวของคนหนุ่มในวัยยี่สิบต้นๆ สองคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นดาราไอดอล
กับการที่พวกเค้าทั้งสองลงมือทำงานเพลงด้วยตัวเองและนำเสนอมันให้ผู้คนได้รับรู้


10:รู้สึกเป็นยังไงบ้างครับที่ต้องมาทำงานคู่กันในวันคริสมาสแบบนี้ ??(หัวเราะ)
TOP: เรารู้สึกสงสารกันและกันมากครับ (หัวเราะ)

10: ผม ก็รู้สึกเสียใจเหมือนกันนะครับที่ต้องมาสัมภาษณ์พวกคุณ (หัวเราะ)นี่ก็นับได้อาทิตย์นึงแล้วนะครับที่พวก
คุณกลับมาทำงานในการโปรโมทอัลบั้ม ผลตอบรับเป็นยังไงบ้างครับเนี่ย??


GD: เราต้องยอมรับเลยครับว่าเราพักไปนานทีเดียว (หัวเราะ)
ในอดีตเราจะรู้สึกถึงการตอบรับที่ร้อนแรงสะท้อนกลับมาได้เลยทันที
แต่ตอนนี้รู้สึกว่ามันจะไม่เหมือนเดิมแล้วละครับ เราเดบิวในนามบิกแบงมากว่า 2 ปีแล้ว ผมคิดว่าจากนี้ไป
เราคงจะได้รับความสนใจจากผู้คนขึ้นอยู่กับว่าเราจะทำมันออกมาด้วยวิธีไหน
ถ้าจำเป็น ผมอาจจะต้องไปปรากฏตัวในรายการวาไรตี้เพื่อเรียกความสนใจเพื่อให้คนจะได้มาชมการแสดงของเราครับ


TOP:ผมยังไม่แน่ใจกับมันนะครับ เพราะอัลบั้มก็เพิ่งวางแผงไปเมื่อวาน และมันก็เยี่ยมมากที่ได้รู้ว่ามีการขายไปได้
หลายแผ่นแล้วด้วย แต่ผมคิดว่ามันคงต้องใช้เวลาซักพักนะครับกว่าผมจะรู้สึกถึงการตอบรับนั้น


10:คุณรู้สึกยังไงบ้างครับในการขึ้นแสดงบนเวทีอีกครั้งหลังจากที่หายไปนาน??
และนี่เป็นครั้งแรกรึเปล่าที่มีแค่พวกคุณสองคนขึ้นเวทีคู่กัน??


GD:ผมรู้สึกประหม่ามากกับการแสดงบนเวทีผ่านรายการเพลงทางทีวีเป็นครั้งแรกของพวกเราครับ
แต่ภาระในใจก็ค่อยๆๆเบาลงตั้งแต่ครั้งนั้น และผมก็สนุกกับตัวเองได้มากขึ้น
ตอนที่เรามีการบันทึกเทปล่วงหน้ามันทำให้เราเหนื่อยมาก
เพราะว่าเราถ่ายกันไป 3-4 ครั้งแต่ดูเหมือนว่ายิ่งถ่ายก็ยิ่งได้ซอตที่ดีที่สุดออกมาเรื่อยๆ
อย่างในเทปแรกๆเราจะคิดว่านี่เป็นการแสดงผ่านรายการทีวีดังนั้นเราก็เต้นและทำท่าทางในแบบที่ได้วางแผนเอาไว้ก็พอ
ซึ่งมันดูแล้วไม่สนุกเลย จนในตอนท้ายก่อนที่เราจะตัดใจเราก็เคลื่อนไหวได้อย่างที่เราต้องการ
และเทปที่ดีที่สุดก็ออกมาจนได้ ดังนั้นเราจึงพยายามขึ้นเวทีด้วยอารมณ์ที่สนุกสนานเพื่อที่จะได้คงสภาพสนุกๆนั้นเอาไว้ให้ได้ครับ


10:งั้นคุณก็อยู่ในอารมณ์ highhigh สนุกสุดๆเหมือนกับชื่อของเพลงเลยนะครับ (หัวเราะ)

TOP: ครับ เราได้พูดคุยกับทีมเต้นของเรามากด้วยเหมือนกันครับ
เพราะเราต้องการให้ภาพที่ออกมาเป็นภาพที่สบายๆและมีอิสระมากขึ้น มากกว่าจะเป็นการเต้นตามแบบแผนกันเป็นกลุ่มๆ


GD: วงไอดอลนั้นโดยพื้นฐานแล้วพวกเค้าจะมีการเต้นที่เตรียมการเอาไว้ล่วงหน้าแบบมีแบบแผน
และสวมใส่เสื้อผ้าที่เข้ากัน แต่เราตัดสินใจว่าจะพยายามใส่ความเป็นธรรมชาติลงไปในการแสดงให้มากขึ้น
และทำให้ผู้คนคิดว่านักร้องไอดอลก็สามารถที่จะโชว์ด้านที่เป็นธรรมชาติของตัวเองออกมาได้
และมันก็จะสนุกกว่ามากถ้าเราแสดงออกอะไรที่แปลกใหม่ต่างกันไปทุกครั้งซึ่งมันจะดีกว่าการทำอะไรเดิมๆซ้ำแล้วซ้ำอีกครับ


10:แต่บิกแบงก็มีท่าเต้นที่มีการเตรียมการเอาไว้ก่อนนะครับ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกคุณตั้งใจจะจับใจผู้ชมในการ
ที่จะโชว์ให้พวกเค้าได้เห็นว่าพวกคุณก็รู้จักการที่จะเล่นสนุกบนเวทีเหมือนกัน


GD: จุดที่แข็งแกร่งที่สุดของบิกแบงคือถึงแม้ว่าเราจะเป็นนักร้องที่อยู่ทีมเดียวกันแต่เราแต่ละคนต่างก็มีสไตล์ในแบบตัวเอง
แม้ว่าจะเป็นวงเดียวกันแต่เราสามารถที่จะประสานกำลังซึ่งกันและกันขึ้นอยู่กับว่าเราจะตั้งรูปแบบวงของเรายังไง
และนั่นเป็นสิ่งที่เราต้องการที่จะแสดงออกให้คนดูเห็น มากกว่าที่จะสนใจว่ากล้องอยู่ตรงไหน
เราต้องการที่จะสื่อสารกับคนอื่นในช่วงเวลานั้นๆ ดังนั้นเราตัดสินใจว่า
เราจะต้องทำให้บรรยากาศมันดีขึ้น สนุกขึ้นมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ผมเชื่อว่ามันเป็นหน้าที่ของเรานะครับในการที่จะต้องทำให้คนดูรู้สึกสนุกกับการแสดงของเราตั้งแต่ต้นจนจบ
และต้องทำให้พวกเค้าเหนื่อยจนแทบจะหมดแรงเมื่อกลับจากดูการแสดงของพวกเรา
ดังนั้นเราจึงต้องการที่จะทำการแสดงออกมาให้ดีที่สุดถึงขนาดที่ว่าคนที่ดูอยู่ที่บ้านก็ต้องสนุกจนต้องกระโดดไปมาเลยครับ


10:ผมคิดว่าคุณทำได้ตามนั้นเลยนะครับโดยเฉพาะกับการแสดงครั้งแรกของดูโอยูนิตพิเศษนี้
ในงานประกาศรางวัลทางช่อเคเบิลของ Mnet ในงาน MAMA
บนเวทีไม่ได้เตรียมอะไรเลยแต่คุณทั้งคู่ก็แสดงได้อย่างเต็มที่จนทำให้เวทีเปล่งประกายเลยทีเดียว


GD:เราไม่มีสเปเชียลแอฟแฟคเลยแม้แต่อย่างเดียวครับ ไม่มีการใช้อุปกรณ์อะไรเลย แม้แต่พลุก็ไม่ได้รับอนุญาติให้มีอะครับ

TOP:แต่เราคือบิกแบงและเราก็แสดงมานานกว่า 5 ปีแล้วละครับนั่นหมายความว่าเราก็ต้องมีการเรียนรู้มาว่าใน
เวลาแบบนั้นเราควรจะต้องทำยังไง เราพูดทีเล่นทีจริงกันว่า " เอ้า!!งั้นเราก็เอาความเชียวชาญที่เราสะสมมาออกมาใช้ละกันนะ !!"


10:แล้วความเชี่ยวชาญที่ได้สะสมมาใช้ได้ผลไม๊ครับเนี่ย??

GD: เราอยู่ที่มาเก๊ากันครับและเราต้องการที่จะทิ้งความประทับใจมากๆๆให้กับคนที่ไม่รู้จักเราเลย
เราถึงกับท้าทายความคิดที่ว่า เวทีมันจะสมบูรณ์แบบเองแหละถ้าศิลปินเคลื่อนไหวไปรอบๆให้มากๆ
เราต้องการที่จะแสดงให้ทุกคนเห็นว่าน้ำหนักของการแสดงก็ทำให้รู้สึกขึ้นมาได้ด้วยคนคนเดียวบนเวที
ดังนั้นถึงแม้ว่าจะไม่มีการเตรียมการใดๆๆเลย เราก็ยังพูดว่า "เก็บให้เรียบ" (หัวเราะ)
ผมมั่นใจว่าผู้คนก็รู้สึกมันนะครับ เรายังได้รับข้อความกดดันจาก CEO ของเรา ท่านยางฮยอนซอกด้วยนะฮะ


10:ข้อความกดดันเนี่ยนะครับ?? (หัวเราะ)
GD:เค้าเขียนส่งมาว่า " พวกนายจะต้องโดนด่าเละแน่ถ้าทำพลาดบนเวที"
เราก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องทำให้ดีที่สุดนะครับ (หัวเราะ)


10:ท่านยางดูจะเข้มกับพวกคุณน่าดูเลยนะครับ (หัวเราะ)
แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนนะครับที่จะมีความคิดอย่างที่คุณมีถ้าเกิดได้รับแรงกดดันแบบนั้น


GD:ผมคิดว่าจะต้องใช้ความรู้สึกว่าเราเป็นเจ้าของเวทีออกมาใช้นะครับ
ในรายการเพลงของสถานนีโทรทัศน์มีวงดนตรีกว่า 30 ทีมกำลังเตรียมตัวรอคอยให้ถึงคราวของพวกเค้าที่จะขึ้นแสดง
นั่นหมายความว่าในแต่ละทีมมีเวลาเพียง 3นาทีเท่านั้นในการพิสูจน์ตัวเอง
คุณต้องทำให้มันเป็นเวทีของคุณให้ได้ เพราะเมื่อการแสดงจบลงมันก็ไม่ได้อยู่ในสิทธิ์ของคุณอีกต่อไปแล้ว
คนที่อยู่บนเวทีนั้นมีอิสระที่จะแสดงอะไรก็ตามในแบบไหนก็ตามที่เค้าต้องการเหมือนกับที่เค้าต้องการทำเมื่อตอนอยู่ที่บ้าน
ไม่ต้องห่วงว่าจะมีคนมารวมตัวกันมากแค่ไหนที่นั่น เพราะคุณเป็นเจ้าของเวทีนั้น
และผมคิดว่าคุณก็ต้องยอมรับกับผลตอบรับจากผู้คนในมุมมองของคนที่อยู่บนเวทีด้วยนะครับ
และนี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ผมสามารถแสดงด้วยความมั่นใจออกไปได้ครับ


10: ผมเห็นอารมณ์ในการเป็นเจ้าของเป็นคนควบคุมงานสะท้อนออกมาในอัลบั้มใหม่ของคุณนะครับ
เพราะดูเหมือนว่ามันจะเป็นเรื่องราวในส่วนของ 6 เพลงแรกของอัลบั้ม,
คุณได้แนะนำตัวเองในช่วงของ intro ว่าคุณสนุกบนเวทีกับเพลง HIGH HIGHและ OH YEAH
และจากนั้นคุณก็ลงจากเวทีมาอ้อนวอนผู้หญิงว่าอย่ากลับบ้านเลย (don't leave) (หัวเราะ)


GD : พวกเรา บิกแบง และท่านประธานวายจีด้วย ต่างก็คิดพิจารณาเป็นพิเศษโดยเฉพาะและเห็นว่าความไหลลื่น
ของอัลบั้มเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ถ้าเกิดว่า การทำอัลบั้มถือเป็นงานที่ต้องสมบูรณ์ในชิ้นงานเดียวนี้
เราเชื่อว่ามันจะต้องมีจังหวะบางอย่างที่จะเกิดขึ้นโดยธรรมชาติในตัวของมัน บนขอบเขตที่แน่นอน
ดังนั้นเราจึงเริ่มต้นอัลบั้มนี้ด้วยเพลงที่สนุกสนาน จากนั้นก็ลงมาเพลงอ่อนๆมืดครึ้มๆๆตามมา
และจัดเพลง KNOCK OUTมาเบรกและจากนั้นก็เป็นเพลงเดี่ยวที่โชว์ความเป็นตัวตนของเรา
เรามักจะให้ความใส่ใจอย่างมากกับเรื่องพวกนี้ครับ


T.O.P : จริงๆมันก็เป็นเวลาพักนึงแล้วนะครับที่เราทำเพลงเดี่ยวของเรา ซึ่งเราเพิ่งมาตัดสินใจทีหลังว่า
จะรวมเอาเพลงเดี่ยวของเราเข้ามาไว้ในอัลบั้มยูนิตพิเศษนี้ด้วยครับ
เพลงของผมเป็นเพลงที่ผมแต่งในตอนที่ทำงานในภาพยนตร์เรื่อง 71 Into The Fire (2010)
ทำงานละครทางช่อง KBS เรื่องIRIS (2009)ครับ


10: และนั่นยิ่งทำให้มันดูไม่ค่อยจะเหมือนงานเดี่ยวของพวกคุณเท่าไหร่ เนื่องจากว่าคุณจะต้องรักษาความสอดคล้อง
กับเพลงที่คุณทั้งสองคนร่วมกันทำด้วย คุณหารือเกี่ยวกับแนวทางที่คุณจะใช้ในอัลบั้มนี้ยังไงกันครับ??


T.O.P : ผมคิดว่ามันเกิดขึ้นโดนสัณชาตญาณนะครับ แทนที่จะมาพูดกันว่า "เรามาทำแบบนี้กันเถอะ"
ในครั้งนี้เราเดินทางไปที่สตูดิโอและอยู่กันจนดึกดื่นหลายคืนเพื่อเขียนเพลงและบันทึกเสียง
เมื่อก่อนเราจะมาอยู่พร้อมหน้ากันหลังจากที่ จียงได้ทำการบันทึกเสียงในส่วนที่เค้าลงมือทำเสร็จไปแล้ว
ผมก็จะไปบันทึกเสียงในส่วนที่ผมได้ทำบ้าง จากนั้นก็อาจจะทำการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างถ้าจำเป็น
แต่ในครั้งนี้เราต่างให้คำเสนอแนะแก่กันและกันในส่วนที่ควรจะต้องปรับปรุง
และมีนักดนตรีมากมายที่เราทำงานด้วยต่างก็ช่วยเหลือเราเช่นกันครับ
ผมคิดว่างานนี้น่าจะเป็นผลงานที่เรียกได้ว่าเป็นงานที่มาจากสัญชาตญาณของโปรดิวเซอร์ค่ายวายจีทั้งค่ายเลยก็ว่าได้ (หัวเราะ)


GD : และนั่นคือสิ่งที่อัลบั้มในยูนิตพิเศษของเราเป็นจริงๆครับ
ก่อนหน้าที่เราจะทำอัลบั้มนี้ ผมกำลังทำงานในอัลบั้มของบิกแบง
และเป็นเพราะว่า มันจะเป็นการออกอัลบั้มครั้งแรกหลังจากที่เราหายหน้าหายตาไปนาน
ผมต้องการที่จะลองทำอะไรหลายๆอย่าง ดังนั้นผมก้ได้ทดลองที่จะจับกลุ่มพิเศษขึ้นมาหลายกลุ่ม
รวมถึงตัวผมเองกับท็อป แทยัง ซึงรี และแดซองอีกกลุ่มนึง หรือว่าลองจับคู่ผมกับแดซอง และซึงรีกับแทยังดู




10: ผมคิดว่า กลุ่มย่อยอื่นๆก็ฟังดูน่าสนใจเหมือนกันนะครับ

GD : ครับ แต่มันกลายเป็นว่าพวกเค้าต่างก็ยุ่งมากกับการทำงานเดี่ยวไม่ก็ไปออกรายการวาไรตี้อะครับ (หัวเราะ)
มีแต่ผมกับท็อปเท่านั้นที่มีเวลาให้ผลาญเล่นดังนั้นเราเลยจบลงที่ทำงานด้วยกันและโปรดิวเพลงส่วนใหญ่ด้วยกันครับ (หัวเราะ)
แต่โครงการต่างๆของเราก็กำลังถูกเลื่อนออกไปด้วย ดังนั้น ท่านยางได้แนะนำว่า
ให้เราลองทำการทดลองอะไรใหม่ๆที่หลากหลายไปเลยในช่วงนี้
และจากนั้นก็ให้ในอัลบั้มของบิกแบงมีแต่เพลงที่มีเสียงของพวกเราสมาชิกทั้งห้าคนเท่านั้น
ดังนั้นเพลงของซึงรีที่ควรจะอยู่ในอัลบั้มใหม่ของบิกแบง ก็จะถูกปล่อยออกมาในรูปแบบมินิอัลบั้มเดี่ยวของเค้าแทน
และเราก็จะปล่อยเพลงเดี่ยวของพวกเราแยกออกมาด้วยเช่นกันครับ


10: อ่า ดูเหมือนว่าอัลบั้มนี้ออกมาได้เพราะความบังเอิญเลยนะครับ แต่จริงๆแล้วคุณทั้งคู่ได้ทำงานร่วมกันยังไงครับ??
เพราะจากที่ผมฟังเพลง baby good night คุณทั้งคู่ต่างก็ตีความหมายไปในทางกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง??


GD : ตอนนี้เค้าได้เปลื่ยนชื่อไป e knock แล้วอะนะครับแต่ว่า เพลงนี้ถูกแต่งขึ้นมาในตอนที่ผมไปค้างบ้านของคูซครับ
ตอนนั้นผมก็นั่งเล่นอะไรไปเรื่อยกับเค้า เค้าได้เปิดทำนองเพลง BABY GOOD NIGHT ที่เค้าทำเอาไว้ให้ผมฟัง
เพื่อจะถามว่าผมคิดยังไงกับเพลงนี้ ผมก็รีบเอาเพลงนี้มาเลยครับทันทีที่ได้ยินมัน (หัวเราะ)
จากนั้นผมก็นึกทำนองที่ใช้กับจังหวะที่ได้เรียบเรียงมาจากคูซ และฮัมท่อนที่ร้องว่าBaby good night ออกมา
และจากนั้นท็อปก็ได้เพิ่มส่วนแร๊พเข้าไป จากนั้นผมก็เพิ่มเนื้อเพลงลงไปในบางส่วน
และร้องเพลงนี้เป็นเพลงแรกของอัลบั้มนี้ครับ จากนั้นเราก็ทำเพลง DON'T LEAVE ต่อจากนั้น


T.O.P : และเป็นเพลงแรกที่เราทำเสร็จในอัลบั้มนี้ครับ จียงได้ทำงานในอัลบั้มของบิกแบงอยู่
ในตอนที่ผมเข้าไปสมทบกับเค้าหลังจากที่เสร็จจากการถ่ายทำภาพยนตร์ 71 Into The Fire
เราบันทึกเสียงเพลงนี้ก่อน และผลที่ออกมาเป็นที่น่าพอใจมาก จึงทำให้เราเริ่มที่จะทำงานร่วมกันมากขึ้นๆหลังจากนั้น
ในอารมณ์นั้นผมคิดว่า เพลง BABY GOOD NIGHTจะเป็นเพลงที่บ่งบอกว่าอัลบั้มนี้จะออกมายังไงนะครับ


GD : สำหรับเพลงนี้ สิ่งแรกที่เราคิดเกี่ยวกับมันคือ การสร้างภาพรวมของเพลงครับ
เราคิดถึงว่าเพลงแบบไหนที่เราจะร้องให้คนรักของเราฟังหากเรามีคนรัก
จากนั้นเราก็ได้เนื้อเพลงจากการที่ผมกำลังจินตนาการว่ากำลังลูบผมของคนรักของผมในขณะที่เธอกำลังนอนหลับ
จากนั้นก็ใส่ทำนองลงไป เราต้องการที่จะทำเพลงที่เซ็กซี่มากๆๆออกมาด้วย
และผมก็ต้องการอยากให้เพลงของเราเป็นหนึ่งในเพลงที่ผู้คนจะเอาไว้เปิดเวลาที่
พวกเค้าอยากจะสร้างบรรยากาศที่โรแมนติกเวลาอยู่กับคนรักของพวกเค้าด้วยครับ (หัวเราะ)


10: นั่นเป็นเหตุผลที่คุณได้ใส่ บทพูดบรรยาย เป็นภาษาฝรั่งเศสลงไปในเพลง BABY GOOD NIGHT
ด้วยรึเปล่าครับ?


GD : จริงๆผมได้ใส่บทพูดลงไปมากมายในเพลงของบิกแบงมาก่อนนะครับ
และแฟนๆก็คงจะไม่ว่าอะไรที่จะได้ยินผมพูดอีกแต่ผมคิดว่าคนอื่นๆอาจจะเบื่อมันแล้วก็ได้นะฮะ (หัวเราะ)
ผมยังต้องการให้เพลงมีอารมณ์แบบภาพยนตร์ผ่านการสนทนาระหว่างชายหญิงด้วยนะครับ
เช่นเดียวกับการที่ใช้ภาษาที่มีเสียงที่เข้ากันได้ดีกับเสียงในเพลงครับ


10: คุณกำลังจะบอกว่าการออกเสียงในบางแบบจะสามารถเข้ากันได้ดีกับเสียงต่างๆในเพลงมากกว่าใช่ไม๊ครับ??
เพราะเพลงส่วนใหญ่ของคุณ มันดูเหมือนว่าคุณจะใส่ใจในการออกเสียง
ให้มันผสมผสานเข้ากันได้ดีกับเสียงต่างๆในเพลงมากกว่าที่จะเน้นการออกเสียงที่ถูกต้องออกมานะครับ


GD : มีหลายคนที่ติงกันมามากเหมือนกันนะครับว่าผมมีปัญหาเกี่ยวกับการออกเสียงไม่ถูกต้องตั้งแต่ผมยังเด็ก
แต่ผมกลับนำมันไปคิดแทนที่จะแก้ไขมันครับ ผมรู้สึกว่าเรื่องการออกเสียงเป็นเรื่องที่ผมสงสัยอยากรู้มาก
ในฐานะคนที่ฟังเพลงเหมือนกัน ผมตระหนักว่าเพลงมันจะฟังแปลกๆ
และเอกลักษณ์และอารมณ์ในตัวเพลงจะหายไปหมดถ้าเราเอาเพลงของต่างชาติที่ไม่ใช่เพลงเกาหลีมาแปลเป็นภาษาเกาหลี
มันเหมือนกับว่าเวลาเราดูหนังที่มีการพากษ์เสียงทับลงไปมันก็ต่างไปใช่ไม๊ครับ
ดังนั้นผมจึงพยายามที่จะเขียนเนื้อเพลงให้เป็นภาษาเกาหลีมากที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้
แต่เลือกที่จะออกเสียงคำเกาหลีนั้นๆให้แตกต่างออกไป เช่น ผมจะม้วนลิ้นให้มากขึ้นในตอนออกเสียงท่อนที่ว่า
round and round ในเพลง KNOCK OUT ครับผมคิดว่าตัวเสียงของผมนั้นก็เปรียบกับเป็นเครื่องดนตรีอย่างนึง
ดังนั้นผมจึงให้ความใส่ใจอย่างมากกับเสียงที่ผมจะเปล่งออกไปครับ


10: ผมคิดว่านั่นเป็นเหตุผลที่คุณตั้งใจทำให้การออกเสียงมีผลต่อเสียงของคุณอย่างมากเลยในอัลบั้มนี้นะครับ

GD : ครับ และผมก็ทำแบบนี้บ่อยแล้วนะครับ ผมพยายามมากที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้
ให้เสียงที่ออกมาเหมือนเสียงเครื่องดนตรีและผมยังพยายามที่จะทำเสียงให้มันเหมือนกับเครื่องดนตรีหลายๆชนิดด้วย
เท่าที่ผมจะทำได้ด้วยปากของผมครับ


10: ในขณะเดียวกัน ท็อปกลับออกเสียงทุกคำเน้นอย่างชัดเจนเลยนะครับ
มันอาจจะเป็นเสียงที่แม่นยำที่สุดที่เท่าที่เคยมีออกมาในเพลงในอัลบั้มของคุณเลยก็ว่าได้ไม๊ครับ
ซึ่งคุณเลือกทางเดินที่ตรงกันข้ามกันโดยสิ้นเชิงกับจีดราก้อนเลยนะครับ


TOP : มันไม่ได้เกิดจากความตั้งใจของผมเลยครับ ผมแค่ทำมันออกไปตามที่ผมรู้สึก
แต่ผมได้เปลี่ยนเทคนิคการใช้เสียงของตัวเองนะครับ มีคนมากมายที่ฟังเพลงของบิกแบง
ดังนั้นผมต้องการที่จะให้พวกเค้าได้ยินตรงๆๆชัดๆทุกเสียง ที่ผมพูดออกไป


10: ผมคิดว่าเป็นเพราะแบบนั้นเสียงของพวกคุณทั้งคู่จึงทำงานประสานกันได้เป็นอย่างดีออกมาเป็นเพลงในอัลบั้มนี้นะครับ
อย่างในเพลงHIGH HIGH และ DON'T LEAVE จียงดูจะเป็นฝ่ายที่ออกเสียงนำ
มากกว่าที่จะแร๊พเฉยๆในขณะที่ท็อปก็ช่วยผลักดันจังหวะในเพลงให้เกิดแรงกระทบไปถึงคนฟังออกมา


GD: เสียงของท็อปนั้นมีนำหนักและมีเสน่ห์น่าดึงดูดครับในขณะที่เสียงของผมก็จะเบามากๆๆ
ดังนั้นผมคิดว่าเราทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดีถ้าผมร้องออกเสียงปั่นป่วนๆๆไปบนเสียงที่มั่นคงของเค้าครับ (หัวเราะ)


10: แต่มันเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากที่เดียวนะครับที่ได้มาเห็นอัลบั้ม
ที่มีศิลปินสองคนที่มีความแตกต่างกันในเรื่องของสไตล์ได้มาร่วมกันโปรดิว
มันถึงกับว่าเหมือนเป็นอะไรที่มัน เหนือความเป็นจริงนิดๆ เป็นความhighความสนุกสนานอย่างแท้จริง นะครับ


GD : ครับ มันเป็นสไตล์ที่เราชอบครับ
T.O.P: เราต้องการที่จะสร้างดนตรีที่มันชวนฝันและให้ความรู้สึกของสิ่งที่ไม่มีจุดจบครับ

10: ทำไมพวกคุณถึงเลือกที่จะนำเสียงแบบนั้นออกมาใช้ครับ??
ทั้งเพลง HIGH HIGH และเพลง OH YEAH มีเสียงดนตรีที่มากไปกว่าเพลงที่จะใช้เต้นสนุกๆๆในผับนะครับ
มันเกือบจะให้เสียงและอารมณ์ที่เหมือนกับว่าคุณกำลัง เมา ไปกับเพลงของคุณ
มันเหมือนกับว่าคุณกำลังเข้าสู่สภาวะที่มีความสนุกจนถึงขีดสุด


GD: เราต้องการที่จะทำเพลงออกมาให้มันเกิดภาพในใจของคนเพียงแค่เมื่อพวกเค้าอ่านเนื้อเพลงครับ
เราอยากให้เพลงของเราทำให้เกิดภาพเหมือนกับภาพยนตร์ มันไม่สนุกหรอกครับถ้าคุณมีความสุขอยู่กับตัวเองตั้งแต่ต้นจนจบ
เหมือนเวลาที่แสดงคอนเสริ์ตก็เหมือนกันฮะ มันขึ้นอยู่กับเราที่จะเป็นคนนำผู้ฟัง
ในการทำแบบนั้นคุณต้องรู้ว่าเมื่อไหร่ควรจะรับเมื่อไหร่ควรจะส่ง เมื่อไหร่ควรจะเร่งเมื่อไหร่ควรจะผ่อนนะครับ
แบบนี้คุณก็จะสามารถเป็นคนสร้างความตื่นเต้นให้ถึงขีดสุดขึ้นมาได้เอง
ดังนั้นแม้ว่าเวลาที่ขึ้นแสดงจะมีน้อยแต่เราก็เปลี่ยนจังหวะของเพลงและใส่อารมณ์ลงไป เพิ่มลูกเล่นที่หลากหลาย
สร้างอารมณ์ขึ้นลงทำให้คนฟังลุ่มหลงไปกับมันครับ


10: และนั่นเป็นวิธีที่คุณนำเอาความรู้สึกและอารมณ์ที่รู้สึกได้ในผับนำมันมาสู่ชีวิตจริงใช่ไม๊ครับ??
ดูเหมือนตอนนี้คุณพยายามที่จะออกแบบสร้างพื้นที่คล้ายๆกับวิธีที่จะร้องเพลงนั้นๆออกมา
ในขณะเดียวกันก็จัดองค์ประกอบที่แตกต่างไปตามสิ่งที่เพลงนั้นต้องการจะสื่อออกมาด้วย


GD: นั่นเป็นอะไรที่เราต้องการในระดับที่ลงลึกไปในรายละเอียดครับ
เราจะไม่พูดว่า " เราให้คนที่เก่งเรื่องมิกซ์เสียงมาทำงานให้เราดีกว่าไม๊?? "
แต่เราจะอธิบายทุกอย่างที่เราต้องการออกไป
เช่น " พี่ฮะ ตรงท่อนนี้ตรงเน้นมากขึ้นนะฮะ" ในกรณีที่เราอาจจะร้องเพลงในท่อนนั้นหลบๆๆอยู่ไกลๆในเสียง
แบคกราวและท่อนนี้มันจะต้องได้ยินชัดมากกว่าเป็นแค่เสียงกระซิบ


T.O.P : ในบริษัทของเรานั้นจะเน้นความพยายามอย่างมากในเรื่องของการมิกซ์เสียง
บางครั้งท่านยางก็จะลงมามิกซ์เสียงเองเลยครับ ในอัลบั้มนี้ก็เหมือนกันครับ
เสียงมันจะฟังแตกต่างกันไปเมื่อคุณฟังมันจากซีดีหรือเมื่อฟังจากแหล่งที่ให้ดาวน์โหลดเพลง
เพราะ เจ้านายเราลงมาดูแลเรื่องการมิกซ์เสียงเป็นการส่วนตัวเพื่อให้มันเข้ากับสภาพแวดล้อมในการฟังเลยครับ (หัวเราะ)


GD: และนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าเพลงของวายจีจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับยุคสมัยที่คุณอยู่
ยุคของพี่ perry ยุคของพี่ เท็ดดี้ และยุคของเรา โปรดิวเซอร์แต่ละคนก็จะมีจิตนาการในเรื่องของเสียงแตกต่างกันไป
ซึ่งมันจะให้ผลสะท้อนที่ซื่อตรงลงไปในอัลบั้มที่พวกเค้าทำออกมาครับ


10: นั่นเป็นเหตุผลให้กับการที่ตอนแรกเมื่อเราได้ฟังเพลง HIGH HIGH หรือเพลง OH YEAH
มันดูเหมือนว่าเพลงจะออกไปในแนวเพลงอิเลคโทรนิคในสไตล์แบบบิกแบงแต่มันก็เป็นแบบนั้นแค่บนผิวนอกเท่านั้น
มากกว่านั้นดูเหมือนว่าคุณสองคนจะนำเอาสิ่งที่เกิดขึ้นในผับมาทำใหม่และนำเสนออกมา ซึ่งผมว่ามันมีคนไม่มากนัก
นะครับที่จะรู้จักวิธีที่จะสนุกกับเพลงในผับแบบที่คุณกำลังนำเสนออกมา


T.O.P: เรารู้ดีครับว่าเราอาจจะต้องลองเสี่ยงดู แต่ถ้าเรามุ่งความตั้งใจของเราไปในเรื่องที่ปกติๆ
อย่างการที่จะทำเพลงให้ประสบความสำเร็จในเรื่องเชิงธุรกิจ เราคงต้องย้อนกลับไปทำเพลงในแบบบิกแบงออกมา
ซึ่งเราหันไปปรับเปลี่ยนมันแทนครับ และสิ่งแรกที่เราต้องการที่จะทำคือ
เราอยากที่จะทำงานที่แสดงออกถึงตัวตนว่าเราเป็นคนยังไงออกสู่สายตาสาธารณชน
เราได้แต่คิดว่าเราต้องการที่จะดูแปลกแตกต่างออกไปไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
เพราะครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เราออกสู่สายตาผู้คนหลังจากที่หายไปนานครับ


GD : ไม่ว่าผู้คนจะเข้าใจในวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นในผับหรือไม่ ผมต้องการที่จะทำให้พวกเค้าคิดว่า
" อ่า นี่แหละคือสิ่งที่เราจะสามารถสนุกได้ในผับและวิธีการที่จะได้เต้นไปตามเพลงเพื่อความสนุกสนาน"
ในตอนที่พวกเค้าดูการแสดงของพวกเรา
เรามั่นใจนะครับว่าเราสามารถที่จะทำให้คนเข้าใจในเพลงของเราผ่านการแสดงทางรายการเพลงทางโทรทัศน์ของเรา




10: แต่เพลง HIGH HIGH และ OH YEAH กลับไม่ใช่ผลงานการแต่งของพวกคุณทั้งสองคนนะครับ
ทั้งๆที่มันเป็นเพลงโปรโมท


T.O.P: ในตอนที่เราเริ่มที่จะทำงานร่วมกัน เราต้องการที่จะทำเพลงที่ ให้ความรู้สึกอบอุ่นหัวใจ ออกมา
แต่ว่าเราต้องทำให้สาธารณชนหันมาพิจารณาในบริบทบางอย่างซะก่อน และ ท่านประธานของเราก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน
ดังนั้นเราจึงไปขอความช่วยเหลือจากพี่เท็ดดี้ครับ เราได้ตั้งแนวทางและจัดรายละเอียดของเพลงว่ามันจะออกมาเป็นยังไงแล้ว
แต่ว่าเราก็ต้องการอะไรที่มันเป็นสไตล์ที่คนคุ้นเคยอยู่แล้วด้วยเหมือนกัน ครับ


GD : จริงๆแล้วจนถึงตอนนี้เพลงในอัลบั้มของบิกแบงก็มีงานของพี่เท็ดดี้อยู่ไม่มากนะครับ
เราก้เคยพูดเรื่องนี้กับพี่เค้าบ้าง แต่ว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะทำงานร่วมกันครับ
เพราะนักแต่งเพลงที่มีจุดมุ่งหมายทางดนตรีที่ชัดเจนและแข็งแกร่งมากๆจะไม่ค่อยทำงานร่วมกันมากนัก
แต่เราตระหนักแล้วว่าเราจะอยู่ไปแบบนี้ไม่ได้แน่
ดังนั้นเราจึงได้พูดเรื่องนี้กับเค้าก่อนเมื่อ 6 เดือนที่แล้วและได้ข้อสรุปครับ (หัวเราะ)
คือ เมื่อเราได้เพลงจากพี่เท็ดดี้มา เค้าจะต้องส่งเพลงนั้นมาให้เราเพียงแค่ในกรอบโครงสร้างเพลงเท่านั้น
และเค้าก็จะปล่อยมือไม่ยุ่งเกี่ยวกับงานชิ้นนี้อีกเลย และเราก็ทำงานในส่วนของเราและพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
และนี่คิอวิธีที่เราทำงานในสองเพลงนี้ได้อย่างเหมาะสมนะครับ ผมว่า


10: อ่า ผมก็ว่าว่าทำไมเพลง HIGH HIGH ถึงมีสไตล์ของจีดราก้อนไหลซึมออกมาอย่างมากเลยนะครับ
ทั้งๆที่คุณก็ไม่ได้เป็นคนเขียนเพลงนี้ขึ้นมา ในเพลงดูเหมือนว่าจะเปลี่ยนระดับไปเรื่อยๆๆในทุกๆๆตอนเลยนะครับ


GD: ผมคิดว่าเป็นเพราะผมเป็นคนเริ่มร้องก่อนในเพลงนะครับและผมก็ใส่ลงไปหนักเลย
พอท็อปร้องเข้ามาก็เหมือนกับปูทางให้กับเพลง พอท็อปเริ่มที่จะลงหนักมาก
ผมก็ลงไปปูทางให้ใหม่ ซึ่งมันถึงทำให้เพลงสนุกนะครับ เราไม่อยากให้มันน่าเบื่อครับ


T.O.P: ผมคิดว่านั่นเป็นผลลัพท์ของการที่เราทำงานร่วมกันนะครับ เราต่างก็มีสไตล์ที่แตกต่างกันไป
ดังนั้นกระบวนการทั้งหมดมันก็คือการที่เราจะเพิ่ม การตีความเพลงในแบบของเราลงไปในเพลงยังไง
ในขณะที่เท็ดดี้ก็แนะแนวทางพื้นฐานให้กับเรา ผมคิดว่านั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้มันแตกต่างไปเล็กน้อยครับ


10: แต่เสียงตอบรับ จากเพลง KNOCK OUT ซึ่งคุณก็ไม่ได้โปรโมทมากเท่าไหร่
กับเพลงDON'T LEAVE ที่คุณยังไม่เคยได้ร้องออกอากาศทางสถานนีโทรทัศน์เลย
ก็ได้รับความนิยมพอๆกับเพลง HIGH HIGH และ OH YEAH เลยนะครับ
ซึ่งผมมองว่ามันไม่ง่ายเลยสำหรับเพลง KNOCK OUT ที่ไม่มีทำนองและมีแต่ท่อนแร๊พจะได้รับผลตอบรับได้ขนาดนี้


T.O.P: พูดตามตรงนะครับ ผมไม่คิดว่าผู้คนจะชอบเพลงนี้เลยครับแต่ก็สังหรณ์ว่าอาจจะชอบก็ได้
เป็นเรื่องจริงครับที่ว่าส่วนประกอบของเพลง hiphop นั้นกลายเป็นจุดที่โดดเด่นออกมาเมื่อผมและจียงมาทำงานร่วมกัน
แต่เราเพียงแค่ต้องการที่จะทำอะไรบางอย่างที่มันสามารถบรรยายถึงคนในวัยอย่างเราออกมาได้ก็แค่นั้นครับ
ในขณะที่เราพักการทำงานในฐานะบิกแบง ผมคิดว่าเพลง hiphop เป็นเพลงที่เราจะสามารถใช้อธิบายสิ่งที่เรารู้สึก
และได้เรียนรู้ผ่านมันออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติตามสัญชาตญาณ
จริงๆเราไปใช้วิธีอื่นที่ง่ายกว่าในการบรรยายก็ได้แต่ว่าเราอยากจะลองทำอะไรให้ยิ่งใหญ่สำหรับเราดูบ้างครับ


GD: เราไม่มีความมั่นใจเลยครับในเวลาที่เราจะออกอัลบั้มมาใหม่ ไม่ว่าจะเป็นอัลบั้มของบิกแบงหรือของซึงรีก็ด้วย
เพราะสิ่งที่เราไม่แน่ใจคือกระแสของเพลงในตอนนี้มั้นเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วครับ
เราออกเพลงมาเป็นอัลบั้มแต่คนจะฟังแต่เพลงที่ใช้โปรโมทเท่านั้นและเพลงอื่นๆในอัลบั้มก็จะถูกลืมไป
ในอดีตเรามักจะมีความรู้สึกหวนระลึกถึงว่าเพลงนี้เราได้ฟังเมื่อเราอายุเท่านี้ๆๆนะ
หรือเพลงนี้แหละที่คอยปลอบใจเราเมื่อเรา ทำอะไรในช่วงนั้น
แต่ในตอนนี้ทุกอย่างถูกตัดสินในระยะเวลาเพียง 3สัปดาห์และคนส่วนใหญ่ก็มักจะพูดกันว่า
"ฉันจำได้แต่ท่อนคอรัสของเพลงนี้เท่านั้นแหละ"
ผมคิดว่าผมจำเป็นต้องทำให้ผู้คนคิดเหมือนกับว่าทุกเพลงในอัลบั้มนี้เป็นเพลงโปรโมท เพื่อที่จะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น
และในการที่จะทำให้ได้แบบที่เราหวังไว้เราต้องทำให้ภาพรวมทั้งหมดและคุณภาพของเพลงทุกเพลงในอัลบั้ม
ใกล้เคียงกับคำว่าสมบูรณ์แบบให้มากที่สุด


10: คุณกำลังจะบอกว่าเพลง HIGH HIGH ไม่ใช่เพลงที่ใช้โปรโมทแค่เพลงเดียวเหรอครับ??

GD: เราต้องการที่จะสร้างอัลบั้มขึ้นมาในแบบที่ บางคนอาจจะสนุกที่จะได้ฟังเพลง HIGH HIGH
และในขณะเดียวกันบางคนก็อาจจะชอบเพลง BABY GOOD NIGHTก้ได้
ดังนั้นเราจึงไม่ได้ใส่ความพยายามลงไปมากเป็นพิเศษในเพลงโปรโมท
จากเพลงที่เราร่วมทำกับพี่เท็ดดี้ เราตัดสินใจว่างานชิ้นนั้นคงเป็นเพลงที่คนส่วนใหญ่ยินดีที่จะได้ฟังมากที่สุด
เราจึงเลือกมาเป็นเพลงในการโปรโมทจากนั้นเราก็พยายามที่จะรักษาสมดุลในอัลบั้มโดยการ
ใส่เสน่ห์เฉพาะตัวที่แตกต่างกันลงไปในแต่ละเพลง ครับ


10: นอกจากเพลงHIGH HIGH และเพลง OH YEAH แล้วอัลบั้มของคุณดูจะไปเกินกว่าเพลง
ในแนวอิเลคโทรนิคนะครับ มันยังมีเพลงในแนว hip-hop ไม่ก็แนวที่มันแตกต่างไปจากเพลงอิเลคโทรนิคอย่างสิ้นเชิงเลย


T.O.P : อัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มที่รวมเพลงในแนวที่เราอยากทำเอาไว้มากที่สุดครับ
เพลงในแบบอิเลคโทรนิกเดี่ยวๆมันก็ เย็นชามากไป และเราก็จะเบื่อมันได้ง่าย
เราได้พยายามอย่างมากในการที่จะสอดแทรกสิ่งที่เราได้รู้สึกตลอดมาในการทำงานในสายอาชีพนี้
ลงไปในเพลงของเราทุกๆเพลง โดยใช้วิธีการแบบใหม่ๆๆครับ




10: คุณคิดบ้างรึเปล่าว่ามันจะรู้สึกตื่นเต้นกว่านี้นะครับ ถ้าคุณได้เลือกเอาเพลง KNOCK OUTมาเป็นเพลงโปรโมท
คุณอาจจะได้สร้างสไตล์ใหม่ๆให้กับเพลงในกระแสหลักก็ได้นะครับ


T.O.P: นั่นเป็นสิ่งที่เราผิดหวังกับมันเหมือนกันนะครับ
พวกคุณอนุญาติให้ใช้คำว่า knockout และคำสบถต่างๆในละคร
แต่มันเหมือนกับเป็นหนังคนละเรื่องเลยเมื่อพูดถึงกรณีของเพลง
เราก็อยากจะโปรโมทเพลง "KNOCK OUT" เหมือนกันนะครับ (หัวเราะ)


GD: ผมไม่รู้ว่าผมจะพูดได้ไม๊นะครับเนี่ย (หัวเราะ) แต่ผมได้ไอเดียเพลง นี้ในตอนที่
ดูละครเรื่อง My Name is Kim Sam-soon (MBC, 2005) ในเรื่อง คุณ Kim Suna เอาแต่พูดว่า
"นี่มันโดนฉันจริงๆ มันเป็นหมัดเด็ดเลยนะเนี่ย "("Bbeoki ganda Bbeokigayo!")
ผมจึงเริ่มที่จะเขียนเพลงจากคำคำนี้ แต่ว่า กองเซ็นเซอร์ก็ไม่ยอมปล่อยไฟเขียวให้นะครับ " (หัวเราะ)


10: นั่นดูเหมือนเป็นเรื่องราวส่วนตัวมากที่สุดของเพลงในอัลบั้มเลยนะครับ (หัวเราะ)
แต่ตอนนี้คุณรู้สึกยังไงครับที่ได้รับการตอบรับจากเพลงในแนวที่พวกคุณอยากจะทำ ??
ซึ่งในเนื้อเพลงก็เป็นเรื่องราวส่วนตัวของคุณด้วยและมันก็ไปได้ด้วยดีมากๆๆกับกระแสของสาธารณชน


T.O.P: ผมคิดว่าเรามีความคิดที่จะสร้างเพลงในแบบของเราออกมา
โดยที่ผู้ฟังก็ไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องจดจำมันเอาไว้มาโดยตลอดนะครับ
ดังนั้นผมคิดว่าสิ่งที่เราต้องการที่จะประสบความสำเร็จมากที่สุดผ่านการโปรดิวเพลงในอัลบั้มนี้ก็คือ
มันคงจะดีนะครับถ้าผู้คนจะไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้นเกี่ยวกับเพลงของบิกแบงในอนาคต ไม่ว่ามันจะออกมาเป็นยังไงก็ตาม





10: ผมมั่นใจว่าความคิดของคุณในเรื่องของดนตรีต้องเปลี่ยนไปมากเหมือนกัน
พวกคุณต่างเดินหน้ามุ่งทำงานเพลงที่มาจากรสนิยมส่วนตัวของพวกคุณและเพลงที่พูดเกี่ยวกับตัวเองมากขึ้นมากขึ้น


GD: จริงๆมันก็เป็นเวลา 5 ปีมาแล้วนะครับตั้งแต่เราเดบิวเป็นสมาชิกของวงบิกแบงมาแต่ผมคิดว่าเราเพิ่งจะรู้สึกว่าเราพึงพอใจซะที
ผมมั่นใจว่ามันต้องเป็นเรื่องยากแน่ๆที่จะทำให้เพลง KNOCK OUTเป็นเพลงฮิตขึ้นมาได้
หลังจากที่ได้แสดงเพลงนี้เป็นเพลงเปิดตัวอัลบั้มไป แต่มันก็ให้ความรู้สึกว่าเรากำลังมุ่งหน้าไปสู่หนทางที่เราต้องการจะให้มันเป็น
ผมคิดว่ายิ่งเราแสดงออกให้ผู้คนเห็นถึงเพลงในแนวนี้มากเท่าไหร่ พวกเค้าก็จะค่อยๆยอมรับมันได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้นเท่านั้น
ผมรู้สึกว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่เราได้หวังและสร้างภาพไว้ว่ามันจะออกมาเป็นแบบนี้แหละครับ


T.O.P: ถ้าเป็นไปได้ เราอยากจะให้อัลบ้มของเราถูกจดจำในฐานะงานศิลปะ
เป็นงานที่ผู้คนสามารถเห็นภาพมันในใจของพวกเค้า แทนที่จะเป็นงานที่พวกเค้าได้ฟังแล้วก็ลืมมันไป


GD: ขอผมพูดอะไรเกี่ยวกับบิกแบงหน่อยได้ไม๊ครับ เรารู้สึกตระหนักถึงข่าวลือที่ออกมาว่า
มีความไม่ลงรอยกันเกิดขึ้นระหว่างสมาชิกในวงบิกแบง จึงทำให้อัลบั้มของเราถูกเลื่อนออกไปอีก
ซึ่งตอนนี้เรากำลังอยู่ในกระบวนการทำงานทั้งในส่วนของอัลบั้มของผมและท็อปและในส่วนของอัลบั้มของซึงรี
ซึ่งเราอยากให้คิดว่าทั้งหมดนี้ก็เพื่อนำทางให้กับอัลบั้มของบิกแบงที่กำลังจะออกตามมานะครับ
สิ่งที่เป็นประเด็นไม่ได้อยู่ที่ใครจะออกมาก่อนหรือมันจะออกมาในรูปแบบไหน
แต่เรากำลังแสดงออกถึงแนวทางที่เราต้องการที่จะเดินไป
หากคุณลองคิดว่าการแสดงของเราก็คือ การโชว์ โชว์นึง ที่เรานำเสนอ
มันก็มี โชว์ของบิกแบง โชว์ของซึงรี ซึ่งผมหวังว่าคุณจะชอบในทุกๆโชว์ที่เราแสดงออกมา
เรารู้สึกโมโหกับข่าวลือเหล่านั้นและมันก็ทำให้เราปวดหัวมากเวลาที่เราต้องมาพูดกันเรื่องข่าวลือเหล่านี้นะครับ


T.O.P: จะเป็นการไม่ลงรอยกันหรืออะไรก็ตามแต่ที่คนจะเรียก แต่เราไม่เคยทะเลาะกันมาก่อนเลยครับ (หัวเราะ)

10: ก้าวต่อไปของบิกแบงจะเป็นยังไงครับ??

GD: ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่เรามารวมตัวกัน เรามักจะพูดกันเสมอๆๆเลยว่าเราควรจะทำเพลงให้ออกมาฟังแล้วอบอุ่นในหัวใจ
ผู้คนอาจจะคิดว่านักร้องควรจะทำเพลงที่จะช่วยให้เค้าผ่อนคลายหายเหนื่อยจากการใช้ชีวิตในแต่ละวัน
แต่เราต้องการที่จะทำอะไรใก้เกิดภาพที่ใหญ่ขึ้นกว่านั้นครับ
เราต่างอาศัยอยู่ในโลกที่เร่งรีบและผู้คนก็เปลี่ยนแปลงไปมาก แม้ว่าเราจะยังถือได้ว่ายังเด็กอยู่
แต่มันก็ย่อมมีความแตกต่างระหว่างเรากับคนในรุ่นที่เด็กกว่าเราอีก
ดังนั้นถ้าเราสามารถทำได้ เราอยากที่จะเปลี่ยนสิ่งเหล่านั้นผ่านไปในเพลงของพวกเรา
และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เราทุกคนต่างก็อยากจะทำเพลงที่ฟังแล้วทำให้เกิดความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจขึ้น
และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้อัลบั้มใหม่ของบิกแบงนี้จะต้องแตกต่างจากสิ่งที่คุณคาดการณ์ไว้อย่างแน่นอน
ในขณะเดียวกันก็มีผู้คนที่ชอบพวกเราเพราะพวกเรามีสไตล์เพลงที่เป็นเอกลักษณ์ในแบบของเรา
และชอบเพลงในแบบที่เรามักจะทำออกมา ซึ่งเราก็จะทำให้คนทั้งสองกลุ่มนี้ได้รับความพึงพอใจกลับไปครับ


10: ผมว่าไม่ทางใดก็ทางหนี่งคุณทั้งสองได้เติบโตขึ้นผ่านการทำงานในอัลบั้มนี้นะครับ

GD: ในระหว่างช่วงสองปีที่เราหยุดทำกิจกรรมในฐานะบิกแบง มันมีข่าวลือเกี่ยวกับเราออกมามากมาย
ซึ่งผมคิดว่าเรารู้สึกเติบโตเป็นผู้ใหญ่เพราะเรื่องพวกนั้นมากกว่าครับ เราต่างใกล้ชิดกันมากขึ้นอีก
และสร้างสายสัมพันธ์ที่เข้มแข็งมากขึ้นระหว่างเรา เราอาจจะยังเด็กแต่ในคำว่า บิกแบงแล้วมันยิ่งใหญ่ขึ้น
ผมยังไม่สามารถที่จะบอกอะไรคุณได้ในตอนนี้ แต่ผมคิดว่าการที่จะต้องพิสูจน์ว่าเรานั้นยิ่งใหญ่ขึ้นสำคัญกว่า
เรื่องที่ว่าเราจะทำเพลงออกมายังไงนะครับ


10: บิกแบงที่ยิ่งใหญ่ขึ้นเหรอครับ??

GD: อัลบั้มที่จะมาถึงนี้ของบิกแบงจะมีการทำงานของเรากับศิลปินในเพลงหลายๆแนวที่หลากหลายมากขึ้นครับ
ซึ่งมันไปขยายภาพรวมของเพลงที่เราจะทำให้กว้างออกไปครับ
ผมตื่นเต้นในการที่จะสร้างกรอบของงานที่กว้างมากออกไปอีกสำหรับตัวเอง ครับ
ยกตัวอย่างนะครับ อย่างเพลง KNOCK OUT เราทำงานร่วมกับ Diplo ซึ่งเป็นแค่การเริ่มตันเท่านั้น
เรายังลองทำงานร่วมกับ Tiesto อีกด้วย ผ่านการร่วมมือกันทางดนตรีแบบนี้
เราต้องการโชว์ให้ผู้คนเห็นว่าเพลงที่น่าดึงดูดนั้นยังมีอยู่และมันจะช่วยให้กำลังใจพวกเค้าเมื่อฟังมันอีกด้วย
เราไม่ได้ทำตัวเป็นครูมาสอนใครหรอกนะครับ แต่ในฐานะที่เรารู้เรื่องดนตรีบ้าง
เราหวังว่าเพลงของเราจะสามารถบอกกับผู้คนว่า"คุณคิดยังไงกับเพลงในแนวนี้?? ลองฟังดูนะครับ และสนุกไปกับมัน"


10: งานของคุณมักจะเกี่ยวกับการแสดงออกถึงอะไรบางอย่างออกสู่สายตาคนอื่นเสมอเลยนะครับ
แต่ในการทำงานในอัลบั้มนี้ดูเหมือนว่าคุณจะค้นพบสมดุล
ระหว่างการพูดคุยแสดงออกความเป็นตนเองกับการแสดงบนเวที ได้แล้วนะครับ


T.O.P: เราเปลี่ยนแปลงไปอย่างแน่นอนครับในเรื่องของบุคคลิก แต่ผมไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องที่เลวร้ายหรอกนะครับ (หัวเราะ)
แนวความคิดของเราได้ถูกขยายให้กว้างขึ้นซึ่งนั้นทำให้เราสามารถที่จะสนุกกับอิสระในการทำอัลบั้มนี้
ผมไม่คิดอีกต่อไปแล้วเลยนะครับว่าเรื่องของชาร์ตเพลงจะมีผลอะไรอีกต่อไป


GD: เพราะเราโปรดิวอัลบั้มนี้ด้วยตัวเอง
เราคงต้องใส่การเสเสร้งลงไปถ้าหากว่าเนื้อเพลงของเรานั้นเกี่ยวกับสิ่งที่เราไม่มีหรือสิ่งที่เราทำไม่ได้
แต่สิ่งที่เรานำมาพูดในอัลบั้มนี้ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เราสามารถพูดออกมาได้ทั้งนั้น
และนั้นจะเป็นสิ่งที่เราพยายามที่จะเขียนออกมาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในอนาคต
เมื่อผู้คนฟังเพลงของพวกเรา เราอยากจะให้พวกเค้าคิดว่า
"ก็แน่ละ ที่พวกเค้าคิดออกมาได้แบบนี้ก็เพราะว่าพวกเค้าคือบิกแบงไง"
แทนที่จะพูดว่า " โอ้ พวกเค้าก็คิดเรื่องแบบนี้ได้เหมือนกันหรอ" ออกมาครับ


Senior Reporter : Kang Myoung-Seok two@
Photographer : Chae ki-won ten@, Lee Jin-hyuk eleven@
Editor : Jessica Kim jesskim@, Lee Ji-Hye seven@, Heidi Kim
Source: Asiae.co.kr
Thai Translation by undercover @ VIPP @ Choitopthailand


0 comments:

แสดงความคิดเห็น