Flag Counter

free counters

วันจันทร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2554

[Trans] สัมภาษณ์ แดซอง จากนิตยสาร GQ Korea ฉบับเดือนเมษายน 2011





GQ:ผมได้ดูจากตารางงานของคุณที่แฟนๆแจกแจงมานะครับ ตอนนี้คุณถูกประกบเหมือนแซนวิชเลยทีเดียว
ข้างหนึ่งเป็นงานละครข้างนึงเป็นรายการวาไรตี้ แล้วไหนจะงานกับบิกแบงอีกในตอนนี้

DS:ละครเรื่อง what's up ถ่ายทำจบไปแล้วครับ ตอนนี้เลยดีขึ้นนิดนึงครับ
ตอนที่ผมยุ่งมากๆๆ ผมมีเวลานอนหลับแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น
และระหว่างที่นอนผมก็จะคิดไปด้วยว่า " อ่า พรุ่งนี้ตอนตื่นต้องลำบากมากแน่ๆเลย


GQ:เมื่อคุณต้องเจอกับ ยามเช้าที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยแบบนั้น อะไรที่คุณคิดเพื่อที่จะให้ตัวเองมีแรงลุกขึ้นครับ?
DS: เวลาที่คุณยังงัวเงียอยู่ ก็มักจะพูดว่า " ขออีก 5 นาทีครับ ขออีก 5 นาที "
ซึ่งตอนนั้นถ้าผมยังไม่ตื่นและคนที่ปลุกต้องเข้ามาปลุกอีกครั้ง ผมมั่นใจว่าเค้าคงรำคาญนะครับ
ทำให้ผมคิดว่า " เอาละเราตื่นเองดีกว่าที่จะให้คนมาคอยปลุก"
แต่พูดตามตรงนะครับ เป็นเพราะผมและซึงรีเป็นสมาชิกที่มีอายุน้อยที่สุดในวง
พวกเรามักจะต้องตื่นขึ้นมาอาบน้ำก่อนใครเพื่อนอยู่แล้ว แล้วคนอื่นๆก็จะทยอยๆๆตื่นขึ้นมา
ดังนั้นเราต้องทำให้เสร็จเรียบร้อยอย่างรวดเร็วครับ


GQ: ต้องพยายามจะไม่บ่นด้วยใช่ไม๊ครับ??
DS:พูดตามตรงนะครับ ผมบ่นมากเลยครับเมื่อก่อน แต่มันมีจุดที่ทำให้ผมเปลี่ยนแปลงไปครับ
คือหลังจากที่ผมประสบกับอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อปีก่อน
ก่อนหน้านั้น ผมเล่นละครเพลง เรื่อง Cats เป็นพิธีกร และออกรายการวาไรตี้ และขึ้นแสดงร้องเพลงในนามบิกแบง
ซึ่งมันเป็นช่วงเวลาที่ยุ่งมากสำหรับผมดังนั้นผมมักจะบ่นอยู่ตลอดเวลา
แต่หลังจากเกิดอุบัติเหตุ ผมไม่สามารถลิ้มรสอาหารได้เป็นเดือนๆ
ไม่สามารถสูดดมกลิ่นอะไรได้เป็นเดือนๆ และผมถึงกับพูดไม่ได้ด้วย
ในช่วงเวลานั้น อืม...ผมไม่รู้ว่าคุณจะเขียนลงไปไม๊นะครับ แต่ผมรู้สึกสำนึกผิดมากเลยละครับ


GQ:สำนึกผิดเหรอครับ??
DS:ก็เพราะผมบ่นในทุกๆเรื่องและมีข้อแก้ตัวว่าผมยุ่งมากจริงๆ ผมกลายเป็นคนที่ไม่ระมัดระวัง
ตอนนั้น ผมขอแค่ครั้งเดียวเท่านั้น อย่างน้อยขอให้เสียงของผมกลับมา
ผมอยู่ได้ถ้าผมไม่สามารถลิ้มรสอาหารหรือไม่สามารถได้กลิ่นอะไร
แต่ขอเพียงให้เสียงของผมกลับมา จากนี้ไปจะยุ่งแค่ไหนก็ได้ ผมอธิษฐานว่าผมจะใช้ชีวิตแบบไม่มีการบ่นอีกแล้ว
และจากนั้น 2-3 เดือนให้หลัง ผมก็ได้เสียงของผมกลับมาครับ


GQ:คุณเชื่อว่านั่นเป็นพลังที่มาจากการอธิษฐานเหรอครับ??
DS:อืม คุณหมอบอกว่าต้องใช้เวลาครับ เมื่อเวลาผ่านไปมันก็เริ่มกลับมา
ยังไงก็ตามแต่ เป็นเพราะผมมีประสบการณ์แบบนั้นมา ไม่ว่าผมจะยุ่งแค่ไหนผมก็จะคิดย้อนกลับไปถึงช่วงเวลานั้นครับ


GQ:งั้นคุณคงไม่ได้ใช้คำหยาบสินะครับ
DS:ผมจะคิดถึงคำที่บ่นกับตัวเอง ผมมักจะบ่นทำนองที่ว่า " ทุกอย่างยากลำบากมากเลยจริงๆ"
ผมเป็นคนประเภทที่ไม่ค่อยพูดมากเท่าไหร่ครับไม่ว่าจะอารมณ์ดีหรือไม่ดีก็ไม่ค่อยพูดครับ


GQ:ถ้าคุณยังทำตัวแบบนั้นต่อไป อาจจะหัวล้านเอาง่ายๆนะครับ
DS: เมื่อไม่นานมานี้ผมไปที่คลีนิคครับและคุณหมอก็ทำการตรวจอะไรหลายอย่าง และมาบอกผมว่า
ผมมีความโกรธเก็บเอาไว้ในใจ ผมก็ถามไปว่า "ความโกรธเหรอครับ?? ผมเนี่ยนะ??"
จากนั้นคุณหมอก็บอกว่า " มันเหมือนกับว่าผมซึมซับเรื่องหลายๆอย่างมาไว้กับตัวมากเกินไป " (หัวเราะ)


GQ:อะไรที่คุณซึมซับเอาไว้ข้างในบ้างครับ?? หัวใจของคุณรู้สึกอึดอัดบ้างไม๊เมื่อคิดถึงเรื่องต่างๆทุกวันนี้??
DS:อืมม ผมก็ไม่แน่ใจครับ คุณพูดเรื่องความกังวลใช่ไม๊ฮะ อืมม ผมจะพูดยังไงดี คุณ ก็รู้

GQ:สมาชิกในวงมักจะพูดบ่อยๆว่า คุณมักจะไม่พูดเรื่องตัวเองในรายการวาไรตี้โชว์เลย ผมว่าคุณคงจะต้องรู้สึกอึดอัดสินะครับ
DS: อ่า ผมเดาว่าผมคงไม่สามารถที่จะปล่อยมันออกมาได้นะครับ มันเป็นนิสัยของผม
ที่ผมมักจะไม่ค่อยคุยกับคนอื่นๆเรื่องความกังวลของผม เหตุผลที่ใหญ่ที่สุดคือ ผมรู้สึกไม่ดีครับ


GQ:รู้สึกไม่ดีกับใครครับ??
DS:ผมจะรู้สึกไม่ดีกับคนที่มาฟังครับ คุณว่าไม๊??
ผมหมายถึง ผมมั่นใจว่าคนคนนั้นเค้าก็ต้องมีเรื่องให้กังวลในชีวิตมากพอแล้ว และผมก็มั่นใจว่าเค้าก็ยุ่งมากแล้ว
การที่ผมเอาเรื่องของตัวเองไปเล่าให้เค้าฟังอีก เค้าก็จะต้องผลักเอาความกังวลของตัวเองออกไป
เพื่อที่จะมาฟังความกังวลของผมและหาทางช่วยผมแทนหนะครับ


GQ:คุณสามารถที่จะฟังเรื่องความกังวลซึ่งกันและกันได้เสมอและจะได้ช่วยกันหาทางออกไงครับ
เพราะมันไม่ใช่ว่าคุณจะเข้าไปอยู่ในสถานการณ์เดียวกันซะเมื่อไหร่ เหมือนกับการยืมเงินมันก็เป็นอะไรที่ปกติๆสามัญนะครับ


DS: ก่อนหน้านี้ผมเคยชินที่จะฟังเรื่องราวความกังวลของคนอื่นๆ จากนั้นผู้คนรอบข้างตัวผมก็มักจะพูดว่า
"นายเอาแต่นั่งฟังแต่เรื่องความกังวลของฉัน แต่ฉันกลับไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับนายเลย "
มีบางคนพูดถึงขนาดที่ว่า " ฉันคิดว่านายจะเป็นคนที่อบอุ่นซะอีกแต่พอได้มารู้จักจริงๆนายเป็นคนที่เย็นชามาก"
พวกเค้าเห็นด้านที่แตกต่างไปของผมและบางครั้งก็บอกว่าผมทำอะไรมากเกินไป
และนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าพักหลังผมพยายามที่จะพูดคุยเรื่องความกังวลต่างๆของผมกับคนอื่นบ้างแล้วครับ


GQ: คุณไม่รู้สึกว่ามันน่าผิดหวังเหรอครับ ที่ได้มองดูเรื่องต่างๆอยู่ข้างๆแบบคนนอก
DS: ไม่เลยครับ ผมคิดว่าผมขาดความมั่นใจมากๆเลยถ้าพูดเรื่องงานเดี่ยว
มีหลายคนมาถามว่า ผมรู้สึกเสียใจกับมันบ้างไม๊?? ผมจะตอบไปว่า ผมไม่ได้เสียใจแต่ผมยังไม่มีความมั่นใจในสิ่งที่ผมทำ
ผมต้องการที่จะทำเมื่อผมอยู่ในสภาวะที่ได้มีการเตรียมการมาอย่างดีแล้วครับ



GQ: คุณได้รับอะไรมามากมายในฐานะบิกแบงและตอนนี้คุณก็เป็นทีจำได้ของคนทั่วไปแล้ว
คุณคิดบ้างไม๊ว่า คุณคิดเรื่องตัวเองน้อยไปนะครับ??

DS: เมื่อผมเดบิวได้ไม่นาน ผมก็เกิดอาการบาดเจ็บที่เส้นเสียงครับ
และนั่นเป็นเหตุผลที่ว่า 8 ครั้งใน 10 ครั้งที่ผมร้องโชว์บนเวทีผมจะร้องเพลงผิดคีย์ตลอด
เมื่อตอนที่บิกแบงเดบิว เราตั้งใจกันเอาไว้ว่าจะ ลบคำสบประมาทต่างๆที่มีต่อวงไอดอลออกไปให้หมด
มันเป็นเหมือนกับภาพลักษณ์ของวง แต่ผมร้องเพลงผิดคีย์เหมือนกับขาดทักษะผมถูกต่อว่าอย่างหนัก
แต่จริงๆแล้วพวกเค้าก็ไม่ได้ต่อว่ารุนแรงมากเท่าที่ผมรู้สึกโกรธตัวเองหรอกนะครับ
และนั่นเป็นช่วงเวลาที่ผมหวาดกลัวการขึ้นเวที ผมมักจะคิดว่า ผมต้องกระตุ้นตัวเองอีกนิดและขึ้นเวทีไปครับ


GQ:คุณสามารถที่จะกระตุ้นตัวเองด้วยการเผชิญหน้ากับมันนะครับ
DS: แทนที่จะไปยืนบนเวทีและเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น และจากนั้นก็ทำพลาดอีก และก็จะกลับมากลัวการขึ้นเวทีอีก
ผมคิดว่ามันคงจะดีกว่า ถ้าผมใช้เวลานานเท่าที่ตัวเองต้องการ ถ้าผมมีความมั่นใจ
ผมก็สามารถทำออกมาให้ดีได้แม้ว่าจะร้องเพลงได้ไม่ดีก็ตาม
คุณคงไม่รู้ว่ามันหมายความว่ายังไงใช่ไม๊ฮะ ??สิ่งที่ผมอยากจะพูดคือ
ขอแค่ผมมีเพียงความมั่นใจ เมื่อคนเห็นก็จะพูดว่า " ว้าวว เค้ามีพลังและอินกับมันมากจริงๆนะ"
ซึ่งถึงแม้ว่าผมจะร้องออกมาไม่ดี ผมก็ยังทำออกมาได้ดี แต่ถ้าผมขาดความมั่นใจมันก็จะออกมาไม่ดีแม้ผมจะทำได้ดีก็ตาม


GQ:ผมมั่นใจว่าแฟนๆต้องรอคอยด้วยใจที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นแน่ๆๆเกี่ยวกับงานเดี่ยวของคุณ
แต่นอกเหนือจากนั้นพวกแฟนๆต่างก็กังวลว่าแดซองจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่เค้าไม่สามารถจะทำในสิ่งที่เค้าต้องการได้
พวกเค้าถึงกับเขียน " คำขอร้อง ในเรื่องของนักร้อง คังแดซอง " คุณได้เห็นบ้างไม๊ครับ
มันเป็นคำขอร้องที่แฟนๆเขียนให้วายจี ว่าวายจีจะสามารถสนับสนุนงานในด้านการร้องเพลงของคุณยังไง
และทำให้วายจีหันมาพิจารณางานต่างๆของคุณมากขึ้น


DS: อ๋อๆครับๆใช่แล้วครับ ผมรู้เรื่องครับ โอ้ ผมไม่มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยครับ ผมจะพูดอะไรได้ (หัวเราะ)
มันเป็นความผิดของผมคนเดียวเลยครับ ทางค่ายไม่ได้กีดกันหรือทำอะไรแบบนั้นหรอกครับ
พวกเค้ามักจะบอกว่า " ถ้ามีอะไรที่คุณอยากทำนะ ก็ทำไปได้เลย เราจะสนับสนุนคุณให้มากเท่าที่เราจะทำได้เลย"
ก่อนอื่นเลย ผมอยากที่จะพยายามอย่างหนักในส่วนของการร่วมทำเพลงออกมาด้วยครับ
เพื่อที่ว่าท่านประธานก็จะได้พอใจและอัลบั้มก็จะออกมาในที่สุด
เมื่อเทียบกับสมาชิกคนอื่นในวง ผมก็มีอะไรมากเหมือนกันนะครับ


GQ:อะไรละครับที่ว่ามากเนี้ย??
DS:ผมมีงานที่จะต้องทำมากกว่าครับ ผมทำรายการวาไรตี้ และโชคดีที่ได้มาจับงานละครอีก
ละครเวทีผมก็เคยทำมาแล้วสองสามครั้ง ทั้งหมดนี้คุณจะเรียกได้ว่าโชคเข้าข้างผมก็ได้นะครับ
แต่เป็นเพราะทุกอย่างนี้มันทำให้ผมยุ่งขึ้นนะครับ


GQ:จะว่าไป ผลงานชิ้นเอกก็มักจะมาจากความยุ่งของคนคนนึงจริงไม๊ครับ??งั้นเมื่อไหร่จะออกมาซักทีครับ ??
DS: (นำเอาเครื่องอัดเสียงไปถือเหมือนกับถือไมโครโฟนและพูดว่า)
ถึงแฟนๆทุกคนครับ ผมขอโทษนะครับที่ทำให้ทุกคนต้องรอคอย
ยังไงก็อดทนต่ออีกหน่อยนะครับ ในตอนนี้ผมต้องการที่จะรวบรวมสมาธิทั้งหมดไปกับงานในฐานะบิกแบง
แล้วอีกไม่นานผมคงจะมีอัลบั้มออกมาเหมือนกันครับ 


GQ:ดนตรีในแบบไหนครับที่คุณจะนำเสนอออกมา??
DS:ผมพยายามหาจุดที่สมดุลอยู่ครับในตอนนี้ ระหว่างความคิดที่ทางค่ายมีกับความคิดที่ผมมี มัน...อืม มันเป็นความลับครับ
แม้ว่าผมอยากจะพูดออกมาให้ฟังกันนะครับ แต่มันเป็นความลับจริงๆ ผมจะบอกทีหลังนะครับ (ยิ้ม)


GQ: ทำไมคุณทำแบบนี้ละครับเนี้ย ถามจริงๆนะครับ
มันเป็นการรักษาสมดุลเนื่องจากว่าคุณกำลังขยายแนวออกไปให้กว้างขึ้นไม๊ครับ??

DS:ครับ ผมชอบเพลงที่ลึกซึ้งและกินใจ ที่หมายความถึงความลึกซึ้งนั้น มัน...สวนทางกับเพลงที่เป็นที่นิยมครับ อ่า...
ผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่ควรจะเขียนลงไปในบทสัมภาษณ์นะครับ... ผมไม่คิดว่าผมสามารถควบคุมในเรื่องของความนิยมได้นะครับ
ผมคิดได้แต่เรื่องของตัวเอง แต่ทางค่ายต้องคิดถึงภาพลักษณ์ว่าผู้คนจะมองมายังไงด้วย
ซึ่งตอนนี้เรากำลังพยายามที่หาความเหมาะสมที่เราต่างจะเห็นดีด้วย
ซึ่งเป็นเพราะแบบนี้แหละฮะ ผมคิดว่ามันเลยทำให้ความคิดของเรายังขัดแย้งกันอยู่ครับ


GQ:ถ้าจะให้คุณจัดหมวดหมู่ของเพลงที่คุณทำอยู่ด้วย สี คุณว่ามันจะเป็นสีอะไรครับ??
DS:น่าจะเป็นสีออกน้ำตาลนะครับ แต่ตอนนี้ ทางบริษัทกำลังพยายามจะนำเอามันไปเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลที่มีสีส้มปนมาด้วยครับ

GQ:ใน Iphone ของคุณมีเพลงออกสีน้ำตาลบ้างไม๊ครับ??
DS:มีครับ ผมชอบที่จะฟังเพลง R&B และแจ๊ส ครับ มีครั้งนึง ท็อปเค้าอยากจะฟังเพลง hiphop มากๆ
แต่เครื่องของเค้าแบตหมด เค้าเลยเอาของผมไปฟังแทน เค้าฟังแล้วก็ต้องบ่นเลยละครับ
เพราะมันไม่มีเพลง hiphop เลย(หัวเราะ) ยังไงก็ตาม ผมคิดว่าเพลงประเภทนี้เป็นเพลงที่ให้สีน้ำตาลครับ
ผมคิดว่าการที่เราจะต้องนำเอาเพลงแบบนี้ออกสู่ตลาดให้ทุกคนได้ชอบเพลงแบบนี้บ้างเป็นสิ่งที่จำเป็นนะครับ
ดังนั้นมันจึงเป็นเหตุผลที่ว่าเพลงในแบบสีน้ำตาลนี้ไม่เคยถูกลบหายออกไปเลย
ซึ่งเหนือเพลงที่ออกสีน้ำตาลส้มนั้นยังไงๆก็มีเพลงสีน้ำตาลเป็นเพลงที่ชี้นำแนวทางอยู่


GQ:มันคงจะดีนะครับ ถ้าจะมีเพลงที่ทำให้เราได้ยินเสียงของคุณในแบบที่แตกต่างไป
ผมพบกับเสียงที่ผมอยากจะฟังมากๆๆในอัลบั้มนี้นะครับ โดยส่วนตัวแล้วเพลงไหนที่คุณพอใจกับเสียงตัวเองมากที่สุด??

DS: ส่วนตัวแล้วชอบ เพลง cafe ครับ แต่เดิมท่อนนั้นไม่ใช่ท่อนของผมครับ
ท่อนส่วนใหญ่ในเพลงจะถูกร้องด้วยเสียงในโทรสูงเกือบทั้งหมด ผมไม่สามารถที่จะร้องขึ้นเสียงได้สูงขนาดนั้น
ถ้าทำ เสียงก็จะแหบอย่างรวดเร็วภายใน 24 ชั่วโมง เสียงของผมจะร้องได้อย่างเต็มที่ประมาณ 1 ชั่วโมงครับ
แต่ถึงยังไงผมก็ยังชอบที่จะร้องโดยใช้เสียงสูงอยู่ดี ผมชอบเพลง และ ชอบร้องมันออกมาครับ
ในตอนแรกเราทำการบันทึกเสียง ผมร้องท่อนนั้นด้วยเสียงสูง แต่ไม่ว่าผมจะพยายามร้องไปกี่ครั้ง มันก็ยังออกมาไม่ดี
ดังนั้นผมจึงเสนอให้ผมทำท่อน verse เป็นสองท่อน โชคดีที่มันออกมาดีทีเดียวและผมก็ชอบมันมากครับ


GQ:มันดูสนุกมากด้วยนะครับบนการแสดงบนเวที สามารถเห็นได้เลยละครับ
DS: เพราะผมอยากจะที่ขึ้นเวทีมากเลยละครับ ผมคิดว่าสมาชิกคนอื่นๆต่างก็รู้สึกแบบนี้ไปก่อนหน้านี้แล้ว
และตอนนี้ผมก็สามารถที่จะรู้สึกได้เหมือนกัน ก่อนหน้านี้ผมคิดว่าการแสดงบนเวทีเหมือนกับการที่ต้องทำการบ้าน
แต่ครั้งนี้ พอผมได้กลับมายืนบนเวทีอีกครั้ง ผมรู้สึกชอบมัน มากๆและมันเป็นเรื่องเดียวที่ผมคิด อยู่ในหัวของผม
เมื่อผมกำลังร้องเพลงและหันหลังกลับ และเมื่อมองไปยังเวที มันทำให้ผมรู้สึกว่า " อ่า ผมชอบมันจริงๆ"


GQ:MV ออกมาเร่าร้อนมากด้วยนะครับ
DS: (55555) ฉากนั้นเหรอฮะ?? พอเรามาถึงอเมริกาปุ๊บ
ผมก็ได้รับการบอกเล่าจากทีมงานว่าผมต้องถ่ายทำฉากบนเตียงกับนางแบบครับ
ผมคิดในตอนแรกว่า มันจะต้องอึดอัดแน่ๆเลย และผมก็ต้องถ่ายออกมาได้แย่มากๆจนพวกเค้าต้องเอามันไปตัดออก
ดังนั้นผมจึงคิดว่าถ้าเกิดผมตัดสินใจจะทำผมต้องทำให้มันออกมาดีให้ได้เพื่อที่ว่าจะได้ไม่โดนตัดออก
ดังนั้นผมจึงหลับหูหลับตา และลงมือทำครับ


GQ:แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยนะครับเพราะช่วงหลังนี้คุณดูเซ็กซี่ขึ้นมาก
บางทีอาจจะเป็นเพราะคุณดูเป็นผู้ชายมากขึ้นไม๊ครับ?


DS:จริงเหรอครับ?? แทนที่จะชมผมว่าผมเซ็กซี่ สมาชิกในวงกลับบอกว่าผมดู ยั่วยวนมากกว่า
จริงนะครับไม่ว่าผมจะใส่อะไรออกมา พวกเค้าก็จะบอกว่าผมดูยั่วยวน ตอนแรกผมคิดว่าพวกเค้าคงแซวเล่นเฉยๆ
แต่เมื่อสองสามวันก่อน ระหว่างการถ่ายภาพ ผู้กำกับก็มาบอกกับผมว่าตอนนี้สายตาของผมยั่วยวนมาก
ทันใดนั้น จู่ๆผมคิดว่าผมคงกลายเป็นคนยั่วยวนไปแล้วจริงๆ ผมเดาว่าผมคงมีอะไรบางอย่างในตัวเหมือนกันนะครับ


GQ:คุณไปทำอะไรมารึเปล่าครับ?
DS:ผมว่าผมไม่ได้ทำอะไรนะครับ มันเป็นคำถามที่น่าอึดอัดที่จะพูดคุยกันตอนตี 2แบบนี้นะครับเนี่ย
อ่อ เพื่อนของผมบอกว่าผมเป็นคนที่ขาดแคลนความรัก เค้าเรียนจิตวิทยามาครับ
เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมเริ่มพูด เค้าก็มักจะทำอะไรบางอย่างเสมอ ไม่พับกระดาษก็เอากระดาษทิชชูมาฉีกเล่น
เค้าบอกว่ามันเป็นสัญญาณของอาการคนขาดแคลนความรัก(หัวเราะ)
เมื่อผมได้ยินเรื่องนี้ผมเข้าใจอย่างถ่องแท้เลยละครับ แต่ในขณะเดียวกันผมก็คิดว่าผมไม่ได้อยู่ในสถานการณ์
ที่จะมีอาการขาดแคลนความรักได้นะครับ


GQ:สเปคผู้หญิงในอุดมคติของคุณเหมือนเดิมมาหลายปีแล้วนะครับ คือ " คนที่รักแต่คุณและมีรอยยิ้มที่น่ารัก"
ซึ่งคุณสามารถมองเข้าไปเห็นใจที่แท้จริงของเธอได้

DS: (ยิ้ม) ดูเหมือนจะทำได้เนอะครับ?? ผมสงสัยว่าผมตอบคำถามแบบนั้นมากี่ปีแล้วนะครับ กี่ปีที่ไม่ได้เปลี่ยนเลย ...
สเปคผู้หญิงในอุดมคติมักจะเปลี่ยนไปเมื่อเราออกเดทกับใครซักคนและเลิกกันไป แต่ผมยังไม่ได้ไปถึงตรงนั้นเลยละครับ
และผมก็ไม่อยู่ในฐานะที่จะสามารถออกไปพบปะใครก่อนด้วย


GQ:ทำไมไม่ลองออกไปในที่ที่คุณมักจะออกไปเที่ยวเล่นบ่อยๆก่อนละครับ??
DS:ผมมักจะอยู่บ้านสิครับ เมื่อวันไม่มีงานต้องทำ ผมก็จะอยู่บ้านและดาวน์โหลดหนังมาดู
ผมไม่ค่อยออกไปข้างนอกเท่าไหร่ครับ ผมชอบฟังเพลง นอน และกินอยู่ด้วยตัวของผมเอง คนเดียว
ผมเป็นคนประเภทที่ไม่ชอบไปคลุกคลีอยู่กับคนอื่น และก็จะกลายเป็นเอาตัวไปยึดติดกับคนอื่นอะครับ


GQ:แล้วการไปคลุกคลีกับคนอื่นมันไม่ดีตรงไหนละครับ?? คุณต้องจำใจฟังในสิ่งที่คุณไม่อยากฟังเหรอครับ??
แต่ถ้าคุณหันมาทำตัวให้ชินในการที่จะต้องฟังมัน ผมว่ามันจะทำให้คุณรู้สึกสบายๆมากขึ้นนะครับ

DS:เมื่อมีคนมาพูดว่า " ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะเค้านั่นแหละ" พอผมได้ยินคำนี้
ผมก็จะมีความรู้สึกว่า เอาละสิ..เค้าโมโหจริงๆนะเนี่ย
ผมคิดว่าที่ผมเป็นแบบนี้น่าจะมีส่วนมาจากคุณพ่อด้วยแหละครับ ตั้งแต่เด็กผมมักจะมีความคิดว่า
ผมต้องพยายามอย่าแสดงออกด้านที่อ่อนแอของตัวเองออกมาเด็ดขาด ในบ้านผมมีเรื่องเครียดๆมากมายเหมือนกันครับ


GQ:มีครั้งนึง Hyori เรียกคุณว่า "คนขี้หงุดหงิด" แดซองคนที่ขี้หงุดหงิดคนนั้นต่างจากคนในปัจจุบันนี้แล้วใช่ไม๊ครับ??
DS:นั่นเป็นเรื่องเมื่อตอนที่ผมพบกับ Jung Jaehyung กับ พี่Hyoriเป็นครั้งแรกเลยครับ ซึ่งในวันถัดมาผมไปที่บ้านพี่เค้า
โดยไม่ได้บอกก่อน เลยทำให้เธอเรียกผมแบบนั้น ตอนนี้เมื่อผมมาคิดย้อนไป มันเป็นการกระทำที่ดูไม่เป็นตัวผมเลยละฮะ
(ยิ้ม) ผมคิดว่ามันน่าจะมาจากผมกำลังเห็นแก่ตัวในเรื่องของการทำอัลบั้มเดี่ยวของผม ผมไม่รู้ว่าผมทำลงไปได้ยังไงนะครับเนี่ย


GQ:จากนี้ไป ถ้าคุณสามารถปล่อยวางและไม่สนใจในสิ่งที่คนอื่นจะพูดหรือสิ่งที่คนอื่นจะคิด คุณอยากจะทำอะไรครับ?
DS:ผมอยากจะดื่มเหล้าให้มากที่เท่าที่ผมต้องการเลยครับ ดื่มให้มากไปถึงจุดที่ผมไม่สามารถจำอะไรได้
และจากนั้นผมก็ได้ แสดงให้คนเห็นว่าเวลาเมาแล้วผมจะเป็นยังไง ซึ่งคนอื่นไม่ค่อยได้เห็นหรอกนะครับ
ผมหัดดื่มเหล้ามากจากพี่ Hyori ครับ ในรายการ Family outing และนั่นเป็นสาเหตุที่ว่าเวลาเราออกไปดื่มกัน
ผมก็จะเป็นน้องเล็กในวงและผมก็มักจะดื่มพร้อมกับสติที่ครบถ้วนอยู่
เพราะผมไม่อยากจะมาแก้ปัญหาทีหลังถ้าเกิดปล่อยให้ตัวเองเมาไป
ผมอยากจะรู้ถึงความรู้สึกที่ หัวมันโล่ง ว่ามันจะเป็นยังไงครับ


GQ:อืมม จริงๆมันก็ไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีนักหรอกครับ แต่มันเหมือนเป็นจุดจบของภาระต่างๆ
เพราะแบบนี้ผมถึงต้องการอยากจะแนะนำให้คุณลองไปทำดูนะครับ จะได้รู้สึกว่าการที่ หัวสมองโล่ง มันเป็นยังไง

DS:ผมคิดว่าผมคงจะสามารถทำได้นะครับถ้าผมไม่มีงานในตารางงานซัก 1 อาทิตย์
ถ้าผมดื่มเหล้า สภาพเสียงของผมจะแย่มากๆเป็นเดือนเลยละครับ
เพราะมันจะส่งผลเสียหายอย่างมากต่องานโชว์และการอัดเสียง
ผมคิดว่าผมจะต้องใช้เวลาเป็นอาทิตย์เลยครับ


GQ:คุณได้ไปดื่มกับนักร้องรุ่นน้องบ้างไม๊ครับ??
DS:ผมไม่มีเพื่อนที่เป็นนักร้องรุ่นน้องเลยครับ คนที่ผมติดต่อด้วยส่วนใหญ่ก็มาจาก
ครอบครัวรายการ Family outing ไม่ก็รายการ Night After Nightครับ


GQ:ในตอนที่คุณทำงานรายการวาไรตี้ คุณรู้สึกเครียดเพราะ เรื่องเพลง เรื่อง การแสดงบนเวที บิกแบง หรือเสียงของคุณไม๊ครับ?
DS:ทุกคนล้วนเป็นรุ่นพี่ที่ดีมากจริงๆครับ แต่ตอนที่ผมอยู่ตรงนั้น มันก็มีความเครียดที่ผมได้จากการทำงานวาไรตี้มา
พูดตามตรงคือ รายการวาไรตี้เป็นเกมส์ที่นำแต่ความปวดหัวมาให้ผม เป็นเกมส์ที่จะต้องใช้ความคิดอย่างจริงจัง
เมื่อคุณมองผ่านจอทีวี คุณจะเห็นว่าผมทำไปตามที่ตัวเองเป็น หัวเราะและพูดคุย แต่ในความเป็นจริงแล้ว
ผมมีหลายสิ่งหลายอย่างให้คิดมากมายในสตูดิโอที่ใช้ถ่ายทำนั้น เริ่มจากเวลาไหนที่ผมควรจะเริ่มพูดและแสดงออกทางสีหน้า ครับ


GQ:แผนการที่คุณคิดเอาไว้มันเป็นยังไงครับในตอนที่คุณจะต้องเล่นเกมแห่งความคิดนี้ ??
DS:มันเป็นอะไรที่ผมคิดในขณะที่พูดครับ มันจะให้ผลดีถ้าเป็นเรื่องที่คนอื่นไม่ทันได้ตั้งตัว และสามารถทำให้คนฟังหัวเราะได้
ถ้าคนอื่นมาพูดให้ผมจิตตกได้และมันเป็นเรื่องตลก คนอื่นๆก็จะคิดว่า นี่เป็นมุขที่ตลก แต่ผมไม่ได้รู้สึกดีไปด้วย
และนั่นเป็นเหตุผลที่ผมคิดว่าถ้า หากจะทำให้ทุกคนหัวเราะและมีความรู้สึกที่ดี ไปด้วยได้ มันจะเป็นอะไรที่มีค่ามากกว่านะครับ


GQ:คำพูดนี้ของคุณบาดลึกลงไปถึงกระดูกทีเดียวครับ เมื่อสองสามวันก่อน มีปัญหาถกเถียงกันในรายการ NAN
แขกรับเชิญและพิธีกรได้พูดจาไม่ค่อยดีเกี่ยวกับเรื่องหน้าตาของคุณ เพราะเหตุนี้แฟนๆต่างไม่เห็นด้วยต่อการกระทำนี้ของคนเขียนบท
ซึ่ง คนเขียนบทได้ออกมาขอโทษแล้ว ในตอนแรกผมคิดว่า มันจำเป็นต้องทำกันขนาดนี้เลยเหรอและผมก็คิดว่ามันสามารถเป็นเหตุการณ์ที่ทำ ให้คุณคงรู้สึกไม่ดี คุณคิดยังไงครับ??

DS:อ่า สำหรับผมนะครับ ผมไม่ได้รู้สึกแย่อะไรเลยครับ ที่คุณพูดออกมาจริงๆแล้วก้ไม่น่าจะพูดออกมาแบบนั้นนะครับ
จริงๆครับ เพราะผมไม่ได้รู้สึกอะไรอย่างที่เค้าพูดเลยจริงๆครับ ดังนั้นผมจึงมองผ่านมันไปแบบสบายๆเลยละครับ


GQ:งั้นคุณไม่คิดว่าตัวเองหน้าตาน่าเกลียดเหรอครับ??
DS: อืมม ผมไม่ได้คิดว่าตัวเองน่าเกลียด และก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองหน้าตาดี เหมือนกันครับ
ผมคิดว่าผมแค่หน้าตา เป็นแบบ แดซอง และนั่นเป็นเหตุผลที่ว่า เมื่อคนอื่นมาเล่าเรื่องที่เกี่ยวกับความน่าเกลียดของผม
และทุกคนต่างก็หัวเราะไปด้วยกัน ผมถึงรู้สึกดีกับมันและคิดในแง่บวกเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้
จริงๆแล้วผมไม่เคยได้ยินจากใครเลยนะครับ ว่าผมน่าเกลียด ผมไม่รู้ทำไมแฟนๆถึงได้ ...
เดาว่าแฟนๆคงเห็นว่าผมน่าเกลียดจริงๆนะครับ


GQ:.ผมจะยื่นไมโครโฟนให้นะครับ ประกาศเลยนะครับ
DS:ผมไม่ได้รู้สึกแย่ในเรื่องนี้เลยครับ ถึงแม้ว่าคนอื่นๆจะมาบอกว่าผมน่าเกลียด
เพราะในรายการวาไรตี้ ผมไม่ใช่คนหน้าตาน่าเกลียดแน่นอน
ถ้าพวกคุณคิดแบบนั้น มันจะทำให้ผมยิ่งเศร้านะครับ (ยิ้ม)


GQ:555555 เอาละครับนี่จะเป็นคำถามสุดท้ายแล้ว จากนี้อีก 5 ปี ณ เวลานี้เลย แดซองจะกำลังทำอะไรอยู่ครับ?
DS:ถ่ายนิตยสาร GQ ฉบับครอบรอบ 10 ปีวงบิกแบงฟังดูเป็นไงครับ??

GQ:ตอนนั้นจะยังคงเป็นบิกแบงใช่ไม๊ครับ??
DS:ผมไม่สามารถจะรับประกันอะไรได้ทั้งนั้นแหละครับ
แต่เป็นเพราะตอนนี้ทุกคนต่างก็ยังคงพอใจในเพลงและการแสดงของบิกแบงอยู่นี่ครับ



Magazine scanned by: Hing Daesung @ Naver Blog
Eng Translated by: solshin3 @ 21bangs.com
Thai Translation by undercover @ VIPP @ Choitopthailand
 

0 comments:

แสดงความคิดเห็น